Filtrar por gênero
เรื่องเล่าส่วนตัวของผู้เล่าเป็นแอนิเมชัน สามารถรับชมในรูปแบบแอนิเมชั่นได้ทาง Youtube และ Facrbook โดยค้นหาว่า เรื่องเล่าของเรา Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/support
- 176 - EP176 : ฉันแก้แค้นแฟนเก่าของฉันโดยการขโมยเงินเขา สมน้ำหน้า!
ฉันชื่อเฮเลน อายุ 16 ปี และฉันเป็นนักเรียน ฉันชอบการเรียน ฉันมีเพื่อนมากมายที่โรงเรียนและฉันได้เดทกับแฟนที่ยอดเยี่ยมเป็นเวลาสองสามเดือน มีอยู่เพียงเรื่องเดียวที่ทำให้ฉันรู้สึกอึดอัดใจ นั่นก็คือพ่อแม่ของฉันฐานะไม่ค่อยดี พ่อเสียธุรกิจไปและเราไม่ค่อยมีเงิน พ่อมักจะพูดอยู่เสมอว่า พ่ออยากเริ่มต้นทำธุรกิจใหม่และทุกอย่างจะโอเคแต่ก็ต้องใช้เงินเยอะ มันช่างย้อนแย้งจริง ๆ เราแทบมีเงินไม่พอในการใช้ชีวิตและมันก็ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของพวกเราอย่างมาก พ่อกับแม่มักทะเลาะกันเรื่องนี้เสมอ พ่อหัวรั้นมากและในที่สุดแม่ก็ทนอีกต่อไปไม่ได้และในที่สุดแม่ก็หย่ากับพ่อ ฉันไม่รู้ว่ามันเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องหรือเปล่า แต่ชีวิตก็ไม่ได้ง่ายขึ้นเลย ปัญหาก็ยังคงอยู่เหมือนเดิม เราแทบไม่มีเงิน และโดยที่ฉันไม่ได้คาดคิดมันก็ส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของฉันเหมือนกัน
--- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/supportThu, 10 Nov 2022 - 10min - 175 - EP175 : ฉันโกหกว่าท้องเพื่อให้แฟนเก่ากลับมาหาฉัน
ฉันชื่อนิโคล อายุ 17 ปี และฉันก็ต้องการคำแนะนำเล็กน้อยเกี่ยวกับสิ่งที่ฉันควรทำ เพื่อให้แฟนฉันกลับมา หลังจากที่ฉันโกหกเขาแล้วเขารู้ความจริง ตอนที่พอลและฉันเริ่มออกเดทกันเมื่อหนึ่งปีก่อน ฉันรู้ว่าเขาเป็นคนที่ใช่ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉันเห็นเขา ฉันรู้สึกแปลกๆ เหมือนกับกระเพาะบิดตัวและเริ่มกระโดดไปมาในท้อง ฉันคิดว่ามันเป็นสิ่งที่เขาเรียกกันว่า รักแรกพบ ยังไงก็ตามความสัมพันธ์ของเราก็ไม่ได้สมบูรณ์แบบ ฉันหมายถึงเราทะเลาะกันเกือบทุกวัน ส่วนใหญ่ด้วยเหตุผลโง่ๆ อย่างเช่น เมื่อเขาแกล้งฉันเล่นและฉันก็ตีโพยตีพาย เพราะฉันไม่มีอารมณ์เล่นด้วย หรือเมื่อฉันสังเกตเห็นเขามองผู้หญิงอื่นและโกรธเขา อืม ก็นะ เหตุผลทั่วไปในการทะเลาะกันของคู่รักทุกคู่น่ะ ใช่ไหมล่ะ สิ่งสำคัญคือ เราก็มักจะคืนดีกันไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
--- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/supportTue, 08 Nov 2022 - 09min - 174 - EP174 : พี่สาวฝาแฝดของฉันตายอย่างฮีโร่และฉันรู้สึกเหมือนอยู่ตัวคนเดียว
สวัสดี! ฉันชื่อโสรยา เมื่อไม่กี่สัปดาห์ที่แล้ว ฉันเพิ่งฉลองวันเกิดครบรอบอายุสิบห้าปีไป พ่อแม่และเพื่อน ๆ ของฉันพยายามอย่างเต็มที่เพื่อทำให้วันนี้เป็นวันที่สุดพิเศษสำหรับฉัน ... แต่พวกเขาทำไม่สำเร็จ เพราะฉันใช้เวลาเกือบทั้งวันร้องไห้ในห้องโดยที่ล็อกประตูจากด้านใน คุณอยากรู้มั้ยว่าทำไม? นั่นก็เพราะวันนี้ไม่ควรจะเป็นวันพิเศษแค่สำหรับฉันคนเดียว แต่มันควรเป็นวันพิเศษของพี่สาวฝาแฝดของฉันด้วย แต่ตอนนี้เธอได้เสียชีวิตไปแล้ว
พี่สาวของฉันชื่อฟอเซีย ... โอ้..ฉันแทบรับไม่ได้กับการพูดถึงเธอในอดีตที่ผ่านมา ฟอเซียเสียชีวิตอย่างน่าสงสารเมื่อประมาณหกเดือนที่ผ่านมา ฉันคิดถึงเธอมาก! และฉันหวังว่าคุณคงจะเข้าใจความรู้สึกของฉัน ฉันคิดว่าคนที่มีพี่น้องฝาแฝดเหมือนฉันคงจะเข้าใจความรู้สึกของฉันดี พวกเขารู้ดีว่ามันเป็นยังไงกับการที่มีใครสักคนคอยอยู่เคียงข้างนับตั้งแต่วินาทีแรกที่คุณลืมตาดูโลก หรือแม้กระทั่งก่อนที่คุณจะเกิดมา มันช่างเป็นประสบการณ์ที่แสนวิเศษที่ไม่มีอะไรจะมาเทียบได้แล้วในชีวิต!
ฉันรู้ว่ามีบางคนที่อาจไม่ค่อยลงรอยกับพี่น้อง หรือแม้กระทั่งกับพี่น้องฝาแฝดของพวกเขาก็ตาม แต่นั่นไม่ใช่กรณีของฉันกับฟอเซีย เราทั้งคู่มีความสุขด้วยกันมาก และคงไม่มีใครที่จะมีพี่สาวที่แสนดีเหมือนพี่สาวของฉันคนนี้ได้อีกแล้ว
--- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/supportSun, 06 Nov 2022 - 12min - 173 - EP173 : ฉันถูกขังไว้ในบ้านของโรคจิต
สวัสดีทุกคน! ฉันชื่อสเตซี่ ฉันอายุ 15 ปี ตอนนี้ฉันเป็นคนขี้ระแวงและกลัวการออกนอกบ้าน เป็นเพราะเมื่อไม่นานมานี้ ฉันถูกจับเป็นตัวประกันตลอดทั้งวันและคิดว่าจะไม่ได้กลับบ้านซะแล้ว มันเริ่มต้นที่ความหลงใหลซึ่งไม่มีพิษภัย ฉันรักดนตรีและใช้เวลาส่วนมากในร้านดนตรีเพื่อฟังเพลงและซื้อแผ่นเสียงที่แตกต่างกัน ฉันสนุกมากๆ และไม่นานฉันก็ฟังครบทุกเพลงในร้าน ยกเว้นแผ่นเสียงที่แพงและหายากซึ่งฉันไม่มีเงินซื้อ ดังนั้นฉันจึงยืนอยู่ข้างๆ ชั้นวางและหยิบพวกมันขึ้นมาเพื่อพลิกดู และฝันหวานว่าสักวันจะได้เป็นเจ้าของพวกมัน วันหนึ่ง มีหญิงคนหนึ่งเข้ามาหาและชื่นชมฉัน เธอบอกว่าฉันมีรสนิยมในการฟังเพลง ฉันจึงล้อเล่นกลับไปว่านอกจากจะมีรสนิยมยังมีเงินอันน้อยนิดด้วย พวกเราหัวเราะและเริ่มคุยกัน กลายเป็นว่าพวกเราชอบวงเดอะดอร์สและเพลงของวงนี้เหมือนกัน
--- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/supportSat, 05 Nov 2022 - 09min - 172 - EP172 : ฉันกลายเป็นคนดังในโรงเรียนหลังจากฉันสูญเสียความทรงจำ
สวัสดีทุกคน ฉันชื่อบรี ฉันเดาว่า คนที่ดีเหล่านี้ที่กลายมาเป็นผู้ปกครองของ ฉัน บอกฉันทีว่ามันฟังดูแปลกใช่ไหม ฉันไม่แน่ใจว่าตัวเองชื่ออะไร พ่อและแม่คือใคร และแม้กระทั่งคุณเป็นใคร สิ่งแรกที่ฉันจำได้คือ กลิ่นของหญ้าในทุ่งที่ฉันตื่นขึ้นมา ฉันรู้สึกปวดหัวที่สุดในชีวิต หัวฉันต้องได้รับบาดเจ็บแน่ๆ แต่มันเกิดอะไรขึ้นล่ะ? ฉันลุกขึ้นมานั่งและพยายามคิดว่า ฉันมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร แต่ก็คิดไม่ออก ฉันยืนขึ้นและตัดสินใจกลับบ้าน แต่จำไม่ได้ว่าบ้านอยู่ที่ไหน เมื่อคิดต่อไปอีก ฉันก็ตระหนักได้ว่าฉันไม่รู้ชื่อของตัวเอง ฉันเริ่มตื่นตระหนกและเริ่มวิ่งไปเรื่อยๆ มีบ้านบางหลังไม่ไกลจากที่ที่ฉันตื่นขึ้นมา ฉันไปที่นั่นแล้วเคาะประตูบ้านของคนแถวนั้นแล้วตะโกนขอความช่วยเหลือ ในที่สุดก็มีหญิงชราคนหนึ่งอนุญาตให้ฉันเข้าไปในบ้าน แล้วบอกให้ฉันเล่าให้ฟังว่าฉันเป็นใครและเกิดอะไรขึ้นกับฉัน แต่ฉันจำชื่อและที่อยู่ของตัวเองไม่ได้ เธอดูสับสน ส่วนฉันรู้สึกหวาดกลัวและอับอายที่ร้องไห้ต่อหน้าเธอ หญิงชราพยายามปลอบฉัน และนำชาอุ่นมาให้ ดูเหมือนเวลาผ่านไป และหลังจากที่รถตำรวจหลายคันมาถึง, ไปโรงพยาบาล, ได้คุยกับหมอมากมาย และกลับไปพบกับครอบครัวใหม่ ฉันก็ได้รับรู้เรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตของฉัน
--- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/supportFri, 04 Nov 2022 - 10min - 171 - EP171 : ฉันเป็นโรคจิตเภทและหยุดทานยา
ฉันชื่อไคลี่ อายุ 15 ปี ตั้งแต่ฉันยังเป็นเด็ก ฉันถูกเรียกว่า “เด็กพิเศษ” มาตลอด ตอนเด็กฉันตระหนักว่า ฉันมองเห็นสิ่งที่เด็กคนอื่นมองเห็นแตกต่างออกไป ฉันกลัวทางม้าลายและบันได สีเหลืองและสีแดงทำให้ฉันตกใจ! ฉันมักจะเสียขวัญเสมอเมื่อเห็นสัญญาณไฟจราจร เด็กคนอื่นๆ คิดว่าฉันเป็นบ้าและแม้แต่พวกพ่อแม่ต่างก็บอกให้ลูกๆ ว่าให้อยู่ห่างๆ ฉัน แม่เป็นคนที่รักและสนับสนุนฉันอยู่เสมอมา ฉันรู้ว่าฉันต่างจากคนอื่น แต่ก็หาคำตอบไม่ได้ว่า "ทำไม" หลังจากการหาข้อมูลทางการแพทย์และการพูดคุยนับครั้งไม่ถ้วนกับจิตแพทย์ ในที่สุดฉันก็ได้รู้จักชื่ออาการที่ฉันเป็น มันคือโรคจิตเภท แน่นอนว่าในตอนนั้นฉันไม่เข้าใจว่ามันหมายถึงอะไร แต่ฉันก็เห็นว่ามันทำให้ทั้งพ่อและแม่ใจสลาย การวินิจฉัยโรคครั้งเนี่ยเปลี่ยนชีวิตฉันไปอย่างสิ้นเชิง ฉันต้องกินยาเยอะมากทุกวัน เหมือนกับฉันกลายเป็นผัก! แต่ดูเหมือนว่า หมอจะพอใจมากกับการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกของฉัน
--- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/supportThu, 03 Nov 2022 - 10min - 170 - EP170 : แม่ของฉันเข้าห้องโดยไม่เคาะประตูและเห็นฉันกับพ่อเลี้ยงของฉัน
ไง ทุกคน! ฉันชื่อเจนนีน อายุ 17 ปี ทั้งชีวิตของฉันมีคนๆ หนึ่งที่คอยอยู่เคียงข้างฉันเสมอ คนที่ฉันรู้ว่าจะไม่มีวันทิ้งฉัน คนนั้นคือ แม่ของฉันเอง แต่เมื่อไม่นานมานี้ แม่ไล่ฉันออกจากบ้านของเราและนี่มันก็หนึ่งเดือนแล้วนับจากวันที่เราคุยกันครั้งสุดท้าย แม่เป็นผู้หญิงที่เข้มงวดและชอบกุมอำนาจ และพ่อก็มักจะพยายามหนีจากการเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว เขาหาเงินเข้าบ้านและคิดว่าเท่านั้นมันก็เพียงพอแล้ว มันจึงไม่น่าแปลกใจเลยที่วันหนึ่งครอบครัวของเราก็แตก เมื่อพ่อก็บอกว่าในที่สุดเขาได้เจอเนื้อคู่และทิ้งเราไป
--- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/supportWed, 02 Nov 2022 - 10min - 169 - EP169 : แม่ของฉันจัดเตรียมงานแต่งงานของฉันกับผู้ชายที่ฉันไม่เคยเดทด้วย
สวัสดี ฉันเคธี่ ตลอดเวลาฉันมักกลัวการทำให้พ่อกับแม่ต้องผิดหวังเสมอและไม่นานมานี้ ฉันหลีกเลี่ยงสิ่งนี้ โดยการ จ้างใครบางคนให้ปลอมมาเป็นแฟนของฉัน แต่เรื่องนี้กลับนำไปสู่หายนะยิ่งกว่าสิ่งที่ฉันพยายามที่จะหลีกเลี่ยงซะอีก
ฉันพนันว่า คุณคงจะเดาออก ว่าครอบครัวของฉันเป็นครอบครัวอนุรักษ์นิยม สามีที่เป็นทนายกับภรรยาที่เป็นกุลสตรีผู้เพรียบพร้อม และมีลูกที่สุดแสนจะเพอร์เฟ็ค เรียนดี เรียบร้อยไม่ต่อปากต่อคำ นั่นแหล่ะ ครอบครัวของฉันเป็นแบบนั้นเลย
พ่อและแม่ของฉันมักจะเข้มงวดกับฉันเสมอ จนถึงขนาดไม่อนุญาตให้ฉันแต่งหน้าไปโรงเรียน และชายกระโปรงของฉันจะต้องไม่เลยขึ้นมาอยู่เหนือหัวเข่าโดยเด็ดขาด
--- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/supportSun, 30 Oct 2022 - 12min - 168 - EP168 : พ่อแม่ของฉันอพยพและทิ้งฉันให้อยู่คนเดียว จากนั้นก็ไม่เห็นพวกท่านอีก
สวัสดี ฉันชื่อแอนนา มาเรีย อายุ 18 ปี ฉันอยากจะส่งคำทักทายจากแคลิฟอร์เนียไปยังที่ที่ฉันเกิดและเติบโตขึ้น และทุกๆ คนที่กำลังฟังฉันอยู่! ฉันเดาว่า พวกคุณส่วนใหญ่กำลังคิดถึงแคลิฟอร์เนียที่แตกต่างจากฉัน ก็นะ ฉันเป็นคนแม็กซิกัน เกิดในเมืองบาฮากาลิฟอร์เนียและอาศัยอยู่ในเมืองใหญ่ใกล้ชายแดนประเทศอเมริกา วันหนึ่ง เมื่อนานมาแล้ว พ่อแม่ของฉันเดินทางข้ามชายแดน..และฉันก็ไม่เคยเห็นพวกเขาอีกเลย
--- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/supportTue, 16 Aug 2022 - 09min - 167 - EP167 : ฉันแต่งงานกับชายที่น่ากลัวสามคนเพื่อเงิน
สวัสดีทุกคน ฉันซาร่าห์ ตอนนี้ฉันกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากมาก ๆ ฉันอาจจะต้องสูญเสียลูกชายเนื่องจากการกระทำและไลฟ์สไตล์ของฉันเอง และที่แย่ที่สุดคือสิ่งที่ฉันทำทุกอย่างล้วนเพื่อเขา เพราะฉันรักเขามากยิ่งกว่าอะไรในโลกนี้
ไม่กี่ปีที่ผ่านมา ฉันได้พบกับชายที่ชื่อวิกเตอร์ เขาเป็นสุภาพบุรุษจริง ๆพวกเราเดทกันระยะหนึ่งและทุกอย่างก็ไปอย่างราบรื่นดี แน่นอน ตอนนั้นเรายังอายุน้อย และหลงใหลซึ่งกันและกัน เราไม่ต้องการอะไรนอกจากการได้อยู่ด้วยกัน และเราก็มีความสุขมากจนตัดสินใจย้ายมาอยู่ด้วยกัน จากนั้นเรื่องแย่ ๆ ก็เริ่มเกิดขึ้น ฉันต้องแบกรับงานบ้านทุกอย่างและฉันก็เหนื่อยตลอดเวลา ความรักที่ฉันมีให้กับแฟนหนุ่มก็เริ่มลดลงเรื่อย ๆ พวกเราทะเลาะกันบ่อยและไม่เคยทำความเข้าใจกันเลย มันเหมือนกับว่าเรากำลังพูดกันคนละภาษาอยู่! บอกตามตรง พวกเราพยายามอย่างมากเพื่อรักษาความสัมพันธ์เอาไว้ จนถึงขนาดไปปรึกษากับจิตแพทย์ เพื่อพยายามทำความเข้าใจกับทุกสิ่ง แต่มันกลับไม่ได้ช่วยอะไรเลย เราเข้าใจว่าต้องหาอะไรบางสิ่งมาประสานรอยร้าวนี้ ดังนั้นเราจึงตัดสินใจที่จะมีลูกกัน คุณอาจคิดว่ามันเป็นความคิดที่ไม่ดีนักที่จะมีลูกในยามที่ครอบครัวกำลังระส่ำระสายแบบนี้ แต่ในเวลานั้นดูเหมือนมันจะเป็นทางออกที่ดีของพวกเรา
และเรื่องมันก็กลายเป็นว่า ขณะที่ฉันกำลังท้อง วิกเตอร์ช่วยดูแลฉันและงานบ้านทุกอย่าง แม้ว่าเขาจะต้องทั้งทำงานหนัก ต้องดูแลฉันที่กำลังท้อง แต่ความสัมพันธ์ของเรากลับดีขึ้นมาก แต่เมื่อถึงเวลาที่ต้องดูแลทารกมันเป็นอะไรที่ยากมากกว่าที่เราคิด หลังจากที่ฉันคลอดลูก ชีวิตก็กลับกลายเป็นเรื่องที่ลำบากมาก ฉันใช้เวลาทั้งวันในการดูแลลูกสาวของเรา ในขณะที่วิกเตอร์ต้องทำงาน แต่ละวันฉันเหนื่อยแสนเหนื่อย และถึงตอนเย็นเมื่อเขากลับมาถึงบ้าน เขากลับต้องการให้บ้านช่องสะอาดเรียบร้อยเสมอและมีอาหารเย็นอุ่น ๆ เสิร์ฟรอเขาอยู่บนโต๊ะ และกลางคืนฉันก็ต้องดูแลลูกทั้งคืน เพราะเขาเป็นเด็กที่หลับยากและตื่นขึ้นมาร้องไห้ตลอดเวลา วิกเตอร์ไม่ได้ช่วยอะไรฉันมากนัก และถ้าเขาทำ เขาก็ทำเหมือนแค่ต้องการเอาใจฉันเท่านั้น เขาเปลี่ยนไปมากจากแต่ก่อน บางทีนี่อาจเป็นนิสัยที่แท้จริงของเขาก็ได้ แบบผู้ชายที่เห็นผู้หญิงเป็นแค่แม่บ้าน
--- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/supportFri, 12 Aug 2022 - 09min - 166 - EP166 : ผมต้องเลือกระหว่างเเม่สติไม่ดีกับพ่อที่พิการ
เมื่อห้าปีที่แล้ว แม่ของผมแยกทางกับพ่อ ตอนนั้นผมอายุได้ราวๆสิบขวบ ผมร้องไห้ด้วยความขมขื่นใจอย่างมากและขอร้องให้เธอพาผมไปด้วย เธอเองก็ร้องไห้เช่นกัน แต่เธอยืนยันที่จะเลือกทางเดินชีวิตของเธอเอง ส่วนพ่อของผมไม่พูดอะไรและได้แต่กุมมือผมไว้แน่น ในตอนนั้นผมคิดว่า ในชีวิตนี้คงไม่เกลียดใครได้มากเท่าเขาอีกแล้ว เพราะเขาเป็นต้นเหตุให้แม่ต้องจากไป – พ่อไม่เคยเข้าใจแม่เลย เขามักจะดุด่าเธอและตัดปีกแห่งอิสรภาพของเธอ ผมไม่ได้มโนเรื่องนี้ขึ้นมาเพราะเธอเป็นคนบอกให้ผมฟังเอง และสุดท้าย เธอก็จากไปเพราะเธอต้องการเป็นตัวของตัวเอง ผมคิดว่าเธอคงจะออกไปเพื่อค้นหาความหมายของชีวิต และคงมีการเดินทางที่เสี่ยงอันตราย แต่ผมก็ยังคงขอร้องให้เธอพาผมไปด้วยอยู่ดี แต่เธอกลับจากไป และทิ้งผมไว้ข้างหลัง
--- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/supportTue, 09 Aug 2022 - 09min - 165 - EP165 : พ่อแม่ทิ้งผมให้ตายที่โรงพยาบาล แต่แฟนผมคือคนที่อยู่ข้างๆ เสมอ
สวัสดี ผมชื่อโนอาห์ อีกไม่นานผมก็จะอายุครบ 20 ปีแล้ว ไม่แก่มากหรอก แต่บางครั้งผมก็คิดว่า นี่มันนานกว่าร้อยปีแล้วมั้งตั้งแต่วันที่ผมอายุ 17 และมันไม่ใช่แค่ 2 ปี ชีวิตของผมเปลี่ยนแปลงไปมาก ไม่ใช่เพราะว่าตอนนี้ผมต้องใช้ไม้เท้าเดินด้วย จริงๆ แล้ว มันรู้สึกเหมือนกับเกิดใหม่อีกครั้ง.. ก็นะ อย่างน้อยก็ต้องหัดเดินอีกครั้ง ตอนนั้นเองผมอายุ 17 ปีและเพิ่งเข้ามหาวิทยาลัย ภายนอกผมเป็นคนธรรมดาๆ ไม่มีเพื่อนใหม่คนไหนของผมคิดหรอกว่า ครอบครัวของผมต่างจากครอบครัวส่วนใหญ่ อย่างไรก็ตาม พวกท่านแตกต่างมากๆ เพราะพ่อแม่ของผม... อืม และคิดว่าพวกท่านจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลงด้วย พวกท่านเข้มงวดมาก เหมือนส่งตรงมาจากยุคกลางเลย และทั้ง 2 คลั่งไคล้ในเรื่องของศีลธรรมและบาปกรรมด้วย คุณคงเข้าใจสิ่งที่ผมสื่อใช่ไหม
--- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/supportSun, 07 Aug 2022 - 08min - 164 - EP164 : แม่และยายบอกฉันว่าควรจะเดทกับใคร ฉันจึงต่อต้าน
ฉันชื่อมิเลนา ฉันมีคำถาม คุณเล่าเรื่องทุกอย่างให้ครอบครัวของคุณฟังมั้ย ก็แบบ พวกเขารู้เกี่ยวกับความทะเยอทะยาน ความต้องการและความเจ็บปวดของคุณรึเปล่า อืม ฉันเล่านะ ฉันเล่ารายละเอียดทุกอย่างในชีวิตของฉันให้พวกเขาฟังและมันก็ได้กลายเป็นคำสาปที่แย่ที่สุดที่ติดตัวฉัน สมาชิกในครอบครัวของฉันมียาย แม่และเอเลนาพี่สาวคนโต ใช่แล้ว ไม่มีผู้ชายในครอบครัวของเรา ยายของฉันหย่ากับตาตั้งแต่ฉันยังไม่เกิด ยายเล่าให้ฟังอยู่เสมอว่า ตาเป็นคนที่ไม่ซื่อสัตย์ วันหนึ่งยายจับได้ว่า ตาเป็นชู้กับคนข้างบ้านแล้วยายก็ไล่เขาออกไปจากชีวิต ฉันไม่เคยเห็นตาเลย ไม่แม้แต่ในรูปถ่ายเพราะยายฉีกรูปทุกใบและทิ้งของตาทั้งหมด
--- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/supportSun, 31 Jul 2022 - 10min - 163 - EP163 : แม่ฉันใช้อาการป่วยเพื่อให้พ่อแยกจากคนรัก ไม่เข้าท่าเลย
ไง! ฉันชื่อลีแอนน์ ฉันอายุ 14 ปี และกำลังโกหกพ่อฉันเรื่องแม่ เพื่อช่วยแม่รักษาครอบครัวของเราเอาไว้ รื่องนี้ หรือควรจะบอกว่า สถานการณ์โดยรวมที่ไม่น่าประทับใจ เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ ฉันอาศัยอยู่กับพ่อและแม่และน้องชายชื่อแมทธิว - เขาอายุแค่สองขวบ และก็เหมือนอย่างครอบครัวอื่นๆ บางครั้งพ่อแม่ฉันก็จะโต้เถียงกันด้วยเรื่องบางอย่าง หลังจากนั้นพวกเขาจึงจะกลับมาคืนดีกันเสมอและทำให้อะไรๆ กลับมาเป็นปกติอีกครั้ง ซึ่งทำให้ฉันแน่ใจเสมอมาว่านั่นเป็นเรื่องปกติ และเป็นแบบที่การแต่งงานควรจะเป็น แต่วันหนึ่งก็กลายเป็นว่าฉันเข้าใจผิดมหันต์ ในตอนที่ฉันได้ยินแม่ร้องไห้อยู่ในห้องน้ำ
ตอนนั้นเป็นช่วงกลางวัน ฉันกำลังทำการบ้าน และแม่กำลังวุ่นวายอยู่กับการทำงานบ้าน ถึงตอนหนึ่ง แม่จึงบอกให้ฉันดูแลแมทธิวขณะที่แม่จะเอาเสื้อผ้าไปใส่ตะกร้า หลังจากผ่านไป 10 นาที ฉันจึงรู้สึกตัวว่าแม่ยังไม่กลับมา ฉันก็เลยเรียกแม่ แต่แม่ไม่ตอบ ฉันจึงไปดูว่าแม่เป็นอะไรหรือเปล่า ฉันพบว่าแม่กำลังร้องไห้อยู่ตรงตะกร้าผ้า แม่บอกว่าแม่แค่เตะตะกร้าแรงจนนิ้วเท้าเจ็บมาก และเป็นเหตุที่ทำให้น้ำตาไหลอาบหน้า แต่ฉันรู้สึกเหมือนมีอะไรสักอย่างที่ทำให้แม่โกรธเคืองเสียใจ เพื่อให้พวกคุณเข้าใจหน่อยนะ - แม่ฉันเป็นผู้หญิงที่เข้มแข็งมาก และเวลาส่วนใหญ่แม่มักจะไม่แสดงอารมณ์มากนัก ไม่ว่าอารมณ์นั้นจะเป็นด้านบวกหรือด้านลบ แม่ไม่เคยร้องไห้เวลาที่ แบบว่า ดูหนังเศร้า หรือเห็นข่าวที่น่าสะเทือนใจและคุณแน่ใจได้เลยว่าแม่จะต้องไม่อยู่ตรงนั้น และร้องไห้เพราะเจ็บนิ้วเท้า โอ แต่อีกอย่างหนึ่ง ฉันเดาว่าเพราะฉันเองก็ไม่ได้สนิทกับแม่มากนัก แม่บอกเสมอว่าฉันมีคนมากมายรอบข้างให้ผูกมิตรเป็นเพื่อนด้วย และแม่ก็แค่อยากเป็นผู้ใหญ่ที่ได้รับความเคารพคนหนึ่ง เท่านั้นเอง รูปแบบของอุปนิสัยแม่ฉันนี้เป็นกุญแจของเรื่องที่คุณกำลังจะได้ฟังต่อไปนี้เลยแหละ
อย่างไรก็ตาม หลังจากวันนั้น หรือสักพักหนึ่ง ฉันตื่นขึ้นกลางดึกเพราะได้ยินเสียงบางอย่าง นั่นเป็นเสียงพ่อแม่ฉันพูดกันดังมาก และฟังจากบางคำที่ฉันพอจะได้ยิน ฉันจึงรู้ว่าแม่พบรอยลิปสติกบนเสื้อของพ่อ ขณะที่กำลังซักผ้า จากนั้นฉันจึงเข้าใจว่าทำไมวันก่อนหน้านั้นแม่ถึงร้องไห้
--- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/supportMon, 25 Jul 2022 - 11min - 162 - EP162 : เพื่อนรักฉันช่วยแม่ของเธอยั่วยวนพ่อฉัน คนทรยศ!
ไงทุกคน! ฉันชื่อแคสสิดี้ และฉันอายุ 15 ปี ฉันมีเพื่อนรักคนหนึ่งชื่อว่าแองเจล่า หมายถึง “เคยมี” น่ะ...เพราะเพิ่งไม่นานมานี้เองที่เราไม่ได้เป็นเพื่อนกันอีกต่อไป พูดกันตรง ๆ นะ เป็นเธอต่างหากที่ทำทุกอย่างพัง และฉันก็คิดถึงเธอมาก แต่ฉันไม่อาจยกโทษให้เธอที่ทำลายครอบครัวของฉันได้จริง ๆ เดี๋ยวคุณจะได้รู้แล้วล่ะว่าฉันกำลังพูดเรื่องอะไร
อย่างแรกเลย ไม่เพียงแต่ว่าแองเจล่ากับฉันเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กเท่านั้น แต่ครอบครัวของเราก็ยังสนิทกันมาก อย่างที่คุณรู้ เราไปฉลองวันหยุดเทศกาลด้วยกัน ย่างบาร์บีคิวกินกันในวันหยุดสุดสัปดาห์ และอื่น ๆ แต่ไม่กี่ปีก่อนพ่อแม่ของแองเจล่าตัดสินใจย้ายไปอยู่เมืองอื่นเพื่อหาโอกาสใหม่ ๆ ในหน้าที่การงานและชีวิตที่ดีขึ้น เราก็เลยถูกบังคับให้แยกจากกัน และตอนนั้นก็เศร้ามากเลย ถึงอย่างนั้นเราก็ยังส่งข้อความและโทรหากันตลอด ถึงเธอจะไม่ได้สนิทกับฉันเท่าที่เคยเป็นมาแล้วก็เถอะ แต่คืนหนึ่งเธอก็โทรมาหาฉัน ร้องไห้และบอกว่าพวกเธอพบว่าพ่อนอกใจแม่ และแม่ของเธอหลังรู้เรื่องก็เซ็นใบหย่าแล้ว ฉันได้แต่นึกภาพว่าแองเจล่าจะเป็นอย่างไรเมื่อรู้ข่าวนี้ เราคุยโทรศัพท์กัน แบบ ตลอดคืนเลย และฉันก็อยากจะให้กำลังใจเธอจริง ๆ ฉันพยายามนึกถึงปฏิกิริยาของตัวเองถ้าวันหนึ่งพ่อแม่ของฉันตัดสินใจหย่ากัน และฉันคิดว่านั่นอาจเป็นเรื่องยากที่สุด และไม่ยุติธรรมที่สุดในโลกเลย
แต่คุณไม่อาจเจอเรื่องดี ๆ ที่ไม่มีข้อเสียอยู่ในนั้นสักนิดเลย รู้ไหม และไม่นานหลังจากคืนที่เราคุยกันอย่างยาวนาน แองเจล่าก็โทรหาฉันเพื่อบอกว่าเธอกับแม่ตัดสินใจจะย้ายกลับมาที่เมืองของเรา มาสู่ชีวิตแบบเก่า โอ นี่เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นมาก หมายถึง แน่ละว่าไม่ใช่เรื่องดีที่พ่อแม่เธอไม่ได้อยู่ด้วยกันอีกต่อไป แต่ฉันก็ดีใจอย่างมากที่จะได้เพื่อนรักของฉันกลับคืนมา ยิ่งกว่านั้น ในที่สุดเราก็จะได้เรียนด้วยกันแล้ว ในโรงเรียนเดียวกัน และนั่นก็เป็นอะไรที่เราวาดฝันกันมานาน ฉันหวังให้ฉันในตอนนั้นรู้จริง ๆ ว่าแองเจล่าไม่ใช่แองเจล่าคนที่เคยเป็นเพื่อนฉันคนนั้นอีกแล้ว
--- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/supportFri, 22 Jul 2022 - 10min - 161 - EP161 : พ่อแม่เกลียดฉันและรักเพื่อนฉัน เธออาศัยอยู่กับพวกเขา!
ไง ฉันชื่อบาร์บาร่า และฉันอายุสิบเจ็ดปีแล้ว ตอนนี้ เมื่อฉันคิดอะไร ๆ ได้ฉันก็เข้าใจแล้วว่าเรื่องราวของฉันประหลาดมากแค่ไหน! เรื่องนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับฉัน และซาบริน่า เพื่อนรักของฉัน ซึ่งกลายเป็น...อืม มาลองฟังดูละกัน
ฉันพบกับซาบริน่าที่โรงเรียนเมื่อราวหนึ่งปีก่อน ฉันมีปัญหานิดหน่อยเรื่องการเรียนและเพื่อให้จำนวนแต้มในเกรดเฉลี่ยของตัวเองเพิ่มขึ้น ฉันจึงลงเรียนวิชาเลือกในวิชาจิตวิทยา พูดกันตรง ๆ นะ ฉันคิดว่าคนพวกเดียวที่จะเรียนจิตวิทยาในโรงเรียนจะต้องเป็นพวกแปลก ๆ และเด็กเนิร์ด แต่กลายเป็นว่าวิชานี้ไม่ได้แย่ขนาดนั้น – ก็มีคนแปลก ๆ และเด็กเนิร์ดจริง แต่อาจารย์ที่สอนน่าสนใจและยังตลกนิดหน่อยด้วย และฉันก็ได้พบเด็กผู้หญิงเจ๋ง ๆ คนหนึ่งในระหว่างชั้นเรียนครั้งที่สอง นั่นคือซาบริน่า อย่างที่คุณคงเดากันได้ ฉันไม่เคยเห็นซาบริน่าในโรงเรียนมาก่อน เธอเพิ่งมาเรียนที่นี่ได้ไม่นาน เพิ่งย้ายมาที่นี่ ไม่ใช่เพราะย้ายบ้าน – บ้านของเธออยู่ไกลออกไป ในพื้นที่ที่ไม่ใช่ย่านที่ดีนัก แต่เธอได้เกรดดีมากจนย้ายมาเรียนโรงเรียนเราได้ ในขณะเดียวกัน ซาบริน่าก็ไม่มีตรงไหนเหมือนพวกเด็กเนิร์ดเลย! เธอสงบนิ่ง เงียบขรึม และมีนิสัยที่ชอบยิ้มแบบไม่เห็นฟัน อืม พูดสั้น ๆ ก็คือ ฉันชอบซาบริน่าทันทีที่เห็น
ด้วยเหตุผลบางอย่าง ฉันจึงไม่มีเพื่อนในโรงเรียนมัธยมปลายเลย ซาบริน่าก็เลยได้ตำแหน่งนั้นอย่างรวดเร็ว และก็อย่างที่ฉันบอกไป เธออยู่ไกลจากโรงเรียนมาก และเพราะเธอต้องใช้เวลานานเหมือนชั่วชีวิตเลยแค่ให้มาถึงโรงเรียน ดังนั้นเธอก็เลยมักอยู่ค้างที่บ้านฉัน พ่อแม่ฉันไม่ได้ถือสาเลย! ก็นะ อย่างเวลาที่ฉันออกไปจากห้องนั่งเล่น ไปคุยโทรศัพท์ และทิ้งซาบริน่าดื่มชากับพ่อแม่ฉัน เธอไม่ได้มองฉันเพื่อขอร้องอย่างเงียบ ๆ ให้ฉันอยู่เป็นเพื่อนเธอกับพ่อแม่ฉันด้วยซ้ำ – ดูเหมือนเธอจะสนุกสนานกับการคุยกับพวกเขาจริง ๆ และฉันก็ไม่เคยสนใจด้วยว่าพวกเขาคุยเรื่องอะไรกัน...อืม บางทีตอนนั้นฉันควรจะสนใจนะ
--- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/supportSun, 17 Jul 2022 - 12min - 160 - EP160 : ฉันขโมยลูกของพี่สาวของฉัน เพราะเธอเป็นแม่ที่แย่มาก
สวัสดี ทุกคน ฉันชื่อเฮย์เลย์ ฉันอายุ 16 ปี ขอสารภาพว่าฉันได้ก่ออาชญากรรมและไม่ถูกจับได้ แต่ฉันไม่ได้รู้สึกผิดเพราะที่ฉันทำไปก็เพื่อช่วยชีวิตเด็กคนหนึ่งไว้
ฉันต้องแนะนำพี่สาวของฉันก่อน นี่คืออแมนดา เธออายุมากกว่าฉันหนึ่งปี คุณรู้มั้ย พี่สาวมักจะเป็นแบบอย่างให้น้องสาวของพวกเธอ พวกเธอช่วยงานที่บ้าน ช่วยเรื่องการบ้านและปัญหาส่วนตัว ในกรณีของฉัน ทุกอย่างตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง อแมนดาเป็นบทเรียนเรื่องชีวิตแบบไหนที่ไม่เหมาะสม เพียงแค่อายุ 16 ปี เธอก็เริ่มออกไปเที่ยวกับผู้ชายที่มีอายุมากกว่า ไปงานปาร์ตี้ที่ไม่มีวันเลิกรา และหายไปจากบ้านสองสามวันในแต่ละครั้ง หลังจากผ่านไปไม่กี่เดือนในชีวิตนี้เธอก็เปลี่ยนผู้ชายไปแล้วสองสามคน เริ่มสักลาย และพ่อแม่ของเราก็ไปรับเธอจากสถานีตำรวจสองครั้ง ชัดเจนเลยว่าเธอไปยุ่งเกี่ยวกับสังคมที่ไม่ดี และยอมตกเป็นทาสของมัน สิ่งที่แย่ที่สุดคือเธอไม่ยอมฟังใครเลย ทั้งพ่อแม่หรือครูของเธอ ดังนั้นฉันสังเกตว่าอแมนดาใช้ชีวิตอย่างไรและทำสิ่งที่ตรงกันข้าม ฉันพยายามที่จะเป็นลูกสาวที่ดีเพื่อพ่อแม่ของฉันจะได้มีความสุข แต่มันก็เป็นเรื่องยาก แม่และพ่อของฉันพยายามที่จะปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของอแมนดา แต่ไม่นานพวกเขาก็ชินกับมัน และเลิกล้มความตั้งใจที่จะเปลี่ยนเธอ ฉันคิดว่าอแมนดาทำให้พวกเขาสิ้นหวัง และพวกเขาแค่รอให้เธออายุ 18 ปี ดังนั้นพวกเขาจึงจะหมดความรับผิดชอบในการกระทำของเธอ แต่หลังจากผ่านไปหนึ่งเดือน เธอกลับมาถึงบ้านในตอนเช้าและบอกข่าวกับพวกเราซึ่งเกือบทำให้แม่ของฉันหัวใจวาย
เธอเข้ามาในบ้านขณะที่เรากำลังทานมื้อเช้า เธอดูเหนื่อยมาก เห็นได้ชัดว่าการปาร์ตี้ตลอดทั้งคืนนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย สิ่งแรกที่เธอพูดกับเราไม่ใช่ "สวัสดี" หรือ "เป็นไงบ้าง?" ด้วยน้ำเสียงเศร้า ๆ เธอบอกเราว่าเธอกำลังตั้งท้อง บ้านถึงกับเงียบสนิทไปสองสามนาที ฉันเดาว่าเราทุกคนพยายามประมวลผลข้อมูลนี้ จากนั้นแม่ของฉันเริ่มหายใจอย่างหนักหน่วงและกุมหัวใจเธอไว้ พ่อต้องเข้าไปดูแลแม่ และฉันก็แค่นั่งอยู่ตรงนั้นและไม่รู้จะทำยังไง ในขณะเดียวกันพี่สาวของฉันก็ไปที่ห้องของเธออย่างเงียบ ๆ ขอบคุณพระเจ้าที่แม่โอเค แต่ฉันเข้าใจปฏิกิริยาของเธอ มันเป็นข่าวร้ายมาก เราใช้เวลาสองสามวันในการต่อสู้และโต้เถียงกันเกี่ยวกับสิ่งที่ต้องทำต่อไป พ่อแม่ของเราบอกว่า อแมนดายังไม่พร้อมที่จะมีลูก แต่เธอยืนยันว่าเธอรู้ดีว่าต้องทำยังไง แน่นอนพ่อแม่ของฉันไม่สามารถให้พี่สาวของฉันกำจัดลูกได้ ดังนั้นการตัดสินใจจึงเกิดขึ้น อแมนดากำลังจะมีลูก ฉันต้องบอกว่าเป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือนว่าชีวิตพี่สาวของฉันอยู่ในกำมือของเธอเอง เธอรู้ว่าเธออาจจะทำร้ายเด็กได้ ดังนั้นเธอจึงเริ่มเลิกนิสัยที่ไม่ดีทั้งหมดของเธอ มันยาก แต่พ่อแม่และฉันช่วยเธออยู่เสมอ เราหวังว่าการมีลูกจะเปลี่ยนชีวิตของเธอและเธอจะกลับมาหาครอบครัวอีกครั้ง ฉันยังสงสัยว่าใครเป็นพ่อและทำไมเขาถึงไม่มาพบอแมนดา แต่เธอไม่ต้องการพูดถึงเขา เห็นได้ชัดว่าเขากลัวการรับผิดชอบ และหนีหน้าไป อย่างไรก็ตามเก้าเดือนที่พี่สาวของฉันอุ้มท้องนั้นเป็นไปอย่างเงียบสงบและมีความสุขดี
--- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/supportFri, 15 Jul 2022 - 11min - 159 - EP159 : ฉันกลายเป็น "นักโทษ" ในบ้านตัวเอง
ไง! ชื่อของฉันคือแอนนี่ คุณรู้เรื่องการควบคุมของพ่อและแม่ไหม? อืม ฉันน่ะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านนี้เลยล่ะ ฉันอยากเล่าให้พวกคุณฟังถึงช่วงปีที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตฉัน ซึ่งฉันต้องใช้ชีวิตแบบเกือบจะเหมือนนักโทษจริงๆ เลย และพ่อแม่ของฉันก็เป็นเสมือน แบบว่า ผู้คุม ตอนนี้ฉันอายุ 17 ปีแล้ว แต่เรื่องทั้งหมดเริ่มขึ้นในตอนที่ฉันยังอายุ 13 ปี และครอบครัวฉันอาศัยอยู่ในบ้านสวยๆ ที่มีสระว่ายน้ำและสวนหย่อม
--- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/supportMon, 11 Jul 2022 - 11min - 158 - EP158 : ผมซื้อแฟนสาวให้ตัวเอง
ผมไม่ใช่มหาเศรษฐีหรืออะไร และครอบครัวผมก็มีรายได้แบบปานกลางสุดๆ เพราะพ่อผมเป็นช่างไม้ และแม่ผมเป็นนักวาดภาพประกอบ ถึงอย่างนั้นเราก็ไม่ได้ยาก หมายถึง พ่อแม่ผมจ่ายเงินค่าเรียนมหาวิทยาลัยให้ผมได้ ซึ่งตอนนี้ผมกำลังเรียนอยู่ปีสองแล้วคุณอาจถามว่าแล้วผมเอาเงินซื้อแฟนมาจากไหน และผมจะบอกคุณนะ ตอนที่ผมอายุ 14 พ่อกับผมเข้าไปในเมืองเพื่อทำธุระ ผมเห็นรถยนต์ที่สวยมากๆ คันหนึ่ง นั่นคือรถแอสตัน มาร์ติน และยังเป็นโมเดลรุ่นเล่าสุด. แล้วพอผมได้ยินเสียงพ่อถอนหายใจ ซึ่งผมคิดว่า นั่นคงหมายถึงเขาไม่อาจทำตามความฝันของตัวเองได้ ผมจึงตัดสินใจเลยว่าเมื่อผมโตขึ้น ผมจะทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้เพื่อให้พ่อแม่ของผมมีชีวิตที่ดีขึ้น
--- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/supportThu, 07 Jul 2022 - 09min - 157 - EP157 : แมวของฉันช่วยฉันจากแฟนที่นอกใจ
ไง ทุกคน ฉันชื่อเฮลก้า อายุ 22 ปี และฉันจะเล่าเรื่องแมวของฉันที่ขื่อแกนดาฟให้ฟัง แกนดาฟไม่ได้เป็นแค่แมวธรรมดา ฉันรู้แน่ ๆ ว่ามันเป็นแมวที่ฉลาดมากและมีแม้แต่พลังเหนือธรรมชาติ...ไม่เชื่อใช่มั้ยล่ะ อืม คุณจะเชื่อต้องแน่! แมวของฉันหยุดฉันจากการทำผิดพลาดครั้งใหญ่
ก่อนหน้านี้ ฉันพบกับอีริค ไม่นานเขาก็ได้กลายเป็นแฟนของฉันและความสัมพันธ์ของเราก็เริ่มจริงจัง เขาย้ายเข้ามาอยู่กับฉันที่อพาร์ทเม้นท์ที่ก่อนหน้านี้ฉันอยู่คนเดียว อืม ก็ไม่ได้อยู่คนเดียวหรอก อยู่กับแกนดาฟน่ะ พ่อแม่ซื้ออพาร์ทเม้นท์นี้ให้ฉันและเพราะว่าฉันเป็นเจ้าของก็เคยคิดว่ามันสมเหตุสมผลมากถ้าฉันจะให้แฟนย้ายมาอยู่กับฉัน ฉันเชื่อใจอีริค แต่แมวของฉันเพราะอะไรสักอย่างกลับไม่เชื่อใจเขาเลย
ในวันแรก เมื่ออีริคขนของมาที่อพาร์ทเม้นท์ แกนดาฟเดินอย่างเงียบ ๆ ไปที่ห้องโถงและนอนขวางหน้าเอริค เอริคมองฉันอย่างสงสัยและฉันก็พูดขำ ๆ ว่าแมวของฉันอยู่มาก่อนเขาเพราะงั้นเขาต้องเข้าให้ได้กับคนที่มาอยู่ก่อน แต่เมื่ออีริคพยายามก้าวเข้าบ้าน แกนดาฟก็ขู่และข่วนขาของเขาด้วยกรงเล็บของมัน สถานการณ์ทั้งหมดไม่ขำอีกต่อไป อีริคโชคดีที่เขาใส่กางเกงยีนส์หนา! แต่ความสัมพันธ์ระหว่างแมวและแฟนของฉันเริ่มต้นได้แย่สุด ๆ
--- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/supportThu, 30 Jun 2022 - 10min - 156 - EP156 : ฉันไปต่างเมืองเพื่อพบกับแฟนในโลกออนไลน์ แต่เขาโกหกทั้งเพ!
สวัสดีทุกคน! ฉันชื่อหลุยส์ คุณเคยประสบกับปัญหาใหญ่ขณะที่กำลังไล่ตามความสุขบ้างไหม? อืม ฉันเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องนี้เลยล่ะ และประสบการณ์ด้านความรักครั้งแรกสุดของฉัน ซึ่งควรจะเป็นการผจญภัยที่สุดแสนโรแมนติก ก็กลับกลายเป็นฝันร้ายอย่างแท้จริง
อย่างที่เห็น ฉันไม่เคยได้รับความนิยมในหมู่พวกผู้ชายเลย ไม่ใช่ว่าพวกเขาเมินฉันเสียทีเดียวหรอกนะ แต่ฉันไม่ได้ชอบคนที่เคยขอฉันคบ และฉันก็ขี้อายเกินกว่าจะไปขอคบคนที่ฉันแอบชอบด้วยตัวเอง ไม่เหมือนเคท เพื่อนรักของฉัน นั่นแหละ เธอสมัครสมาชิกกับเว็บหาคู่เดทแห่งหนึ่งและยินดีมาก ๆ ที่จะเลือกผู้ชายคนไหนที่เธออยากเดทด้วยตัวเอง และคืนหนึ่ง เหมือนทุกที เธอก็เชียร์ให้ฉันลองเดทดูอีกครั้ง ฉันคิดว่า “เรื่องบ้าอะไรเนี่ย” และสมัครสมาชิกเว็บเดียวกันไป
ราวหนึ่งชั่วโมงหลังจากนั้นฉันจึงมานั่งอ่านโปรไฟล์ของผู้ชายแต่ละคนที่แตกต่างกันออกไป หนึ่งในนั้นดึงดูดความสนใจฉันได้จริง ๆ ชื่อของเขาคือลุค และเขาบอกว่ามาจากซานฟรานซิสโก ซึ่งไม่ไกลจากฟีนิกซ์ที่ฉันอยู่ตอนนี้นัก และเขาก็ดูเหมือนจะ แบบว่า มีอะไรมาก ดังนั้นฉันเลยตัดสินใจลองเสี่ยง และเป็นครั้งแรกในชีวิต ที่ฉันเป็นฝ่ายเริ่มสนทนากับผู้ชายก่อน เขาตอบมาหลังจากนั้นไม่กี่นาที และฉันก็รู้สึกว่าหัวใจเต้นแรงขึ้นมาก ๆ และมือยังชื้นเหงื่อ หลังจากส่งข้อความคุยกันไม่นาน เขาจึงขอให้ฉันเพิ่มเขาเป็นเพื่อนบนเฟซบุ๊ค และแนะนำว่าให้เราทั้งคู่ลบข้อมูลออกจากเว็บไซต์หาคู่ นั่นละที่มาที่ฉันได้พบกับแฟนของฉันจริง ๆ
--- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/supportThu, 23 Jun 2022 - 11min - 155 - EP155 : ฉันตกหลุมรักผู้ชายที่เห็นฉันโตมา
ไง! ฉันชื่อเบธานี หรือเรียกสั้นๆ ว่าเบธก็ได้ และชีวิตของฉันยังเต็มไปด้วยเรื่องดราม่ามากมาย ซึ่งส่วนที่สำคัญและเจ็บปวดที่สุดก็คือการที่ฉันตกหลุมรักใครบางคนอย่างจริงจัง แต่เรามีอุปสรรคมากมายเหลือเกินที่จะได้อยู่ด้วยกัน ตอนนี้ฉันอายุเกือบจะครบ 19 ปีแล้ว แต่เรื่องราวที่ฉันกำลังจะเล่าให้คุณฟังนี้เริ่มขึ้นตั้งแต่ตอนที่ฉันยังเด็กกว่านี้มากนัก ฉันเกิดในเมืองเล็กๆ ในครอบครัวที่พ่อเป็นทหารและแม่เป็นแม่บ้าน อย่างที่คนพูดกันในบางครั้งนั่นแหละว่าอาชีพบ่งบอกถึงวิถีการใช้ชีวิต เรื่องนี้เป็นจริงสำหรับพ่อแม่ฉันเลย ขณะที่พ่อฉันกำลังปฏิบัติภารกิจของเขา แม่ฉันก็เลี้ยงดูฉันและคอยดูแลบ้าน หรือพูดอีกแบบหนึ่งคือ ทำสิ่งที่ภรรยาดีๆ และแม่คนหนึ่งจะต้องทำ แต่ไม่นานพ่อฉันก็เกษียณและมาอยู่บ้าน พร้อมทำธุรกิจทำสีรถเล็กๆ ของตัวเอง หนึ่งในเพื่อนเก่าในกองทัพของพ่อจึงเริ่มมาเยี่ยมเราที่บ้านเป็นประจำทุกปี
ฉันเรียกเขาว่าอาโอเวน ครั้งแรกที่ฉันเห็นเขา ฉันอายุ 5 ขวบเองมั้ง เขาสูงมากและหล่อเหลามากจริงๆ หมายความว่า ถึงเขาจะเด็กกว่าพ่อแม่ฉันไม่กี่ปี แต่เขาก็ยังดูเด็กกว่านั้นมาก เขามาที่เมืองของเราในทุกๆ ฤดูหนาว และบางครั้งยังอยู่ด้วยนานหลายเดือน เขาไม่ได้โชคดีถึงขนาดจะมีครอบครัวของตัวเอง และไม่เคยมีลูก ดังนั้นเขาก็เลยบอกว่าเขารักฉันมาก รักเหมือนเป็นลูกสาวของเขาเอง และฉันยังจำได้ว่าเขามักจะซื้อของขวัญมากมายให้ฉัน ทุกวันนี้ฉันยังเก็บของพวกนั้นส่วนใหญ่ไว้อยู่เลย
อาโอเวนอาศัยอยู่ในเมืองใหญ่ และเมื่อมาเยี่ยมเรา เขาจะเล่าเรื่องโลดโผนต่างๆ มากมายในชีวิตของเขาที่นั่นให้ฟัง และฉันจะทึ่งกับทุกอย่างที่ได้ฟังมาก แบบว่านั่งอ้าปากค้างเวลาฟังเขาจริงๆ เลยนะ ฉันยังเคยกระทั่งทิ้งเพื่อนมาในตอนที่อาโอเวนมาถึงด้วย พวกเขาเคืองฉันนิดหน่อยจนฉันต้องลงเอยด้วยการขอโทษพวกเขาหลังจากที่อาโอเวนกลับไป แต่ยิ่งเขาอยู่ที่บ้านเรานานเท่าไหร่ ฉันก็เกิดความรู้สึกข้างใน แบบที่คุณก็รู้ เด็กเล็กๆ ที่รอคอยคืนก่อนวันเกิดของตัวเองน่ะ และตอนนั้นฉันยังเคยคิดด้วยว่า ในตอนที่ฉันโตขึ้น ฉันจะย้ายไปยังเมืองนั้น เมืองเดียวกับอาโอเวน และใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและน่าตื่นตาตื่นใจเหมือนอย่างที่เขาเป็น
--- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/supportSat, 18 Jun 2022 - 11min - 154 - EP154 : แม่ทิ้งผมหลังเกิด ตอนนี้ผมเจอแม่และเธอขอให้ผมช่วย
สวัสดี ผมชื่อนีล อายุ 18 ปี พ่อแม่ทอดทิ้งผมตอนเป็นทารก ผมต้องเติบโตขึ้นมาพร้อมกับโรคร้ายตามลำพัง และตอนนี้ ผมกำลังเผชิญหน้ากับทางเลือกที่จะดูแลแม่ผู้ให้กำเนิดผมดีหรือไม่
ใช่ ผมไม่เคยรู้จักพ่อแม่ พวกเขายอมแพ้ที่จะเลี้ยงดูผมเพราะผมเกิดมาไม่ปกติ ตอนนี้อาจจะดูปกติแล้ว แต่ตอนที่เกิด ผมเป็นอัมพาตสมองซึ่งเป็นโรคที่ร้ายแรงมาก เนื่องจากสมองถูกทำลาย ผมจึงมีปัญหาเกี่ยวกับระบบกล้ามเนื้อ อันที่จริง ผมถึงขั้นไม่สามารถควบคุมแขนและขาได้ และนิ้วก็เกร็งอย่างควบคุมไม่ได้ ดูเหมือนว่าพ่อแม่จะตัดสินใจไม่รับภาระดูแลเด็กป่วยอย่างผม ดังนั้น ผมจึงถูกส่งเข้าระบบบุตรบุญธรรม แต่ในประเทศของเรามีปัญหาหนึ่งเกี่ยวกับระบบนี้ นั่นคือ หลายคนรับเลี้ยงเด็กที่มีความบกพร่องเพียงเพื่อผลประโยชน์ทางการเงินของตัวเอง ซึ่งจริง ๆ แล้วพวกเขาไม่ได้สนใจเด็กที่น่าสงสารเลย และเหตุการณ์นี้ก็เกิดขึ้นกับผม
แม้ว่าผมจำเรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างช่วงปีแรกของชีวิตไม่ได้ แต่ผมจำชีวิตวัยเด็กและวัยรุ่นได้แม่น เพราะว่ามันยาวนานและเจ็บปวด ผมใช้เวลาช่วงปีแรก ๆ บนรถเข็น หมอต้องดูแลผมอย่างใกล้ชิดและการบำบัดต้องใช้เวลาหลายปี พ่อแม่อุปถัมภ์ก็ไม่ดูแลผมเลย จึงทำให้การบำบัดช้าลง อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่เคยปิดบังเรื่องที่ผมเป็นบุตรบุญธรรมเลย ในทางกลับกัน พวกเขามักเตือนผมเกี่ยวกับความจริงนี้ในทุก ๆ โอกาสที่มี อีกทั้งยังมีเด็กผู้ชายที่อายุมากกว่าในครอบครัวนี้ด้วย และไม่ ผมไม่สามารถเรียกพวกเขาว่าพี่หรือพี่ร่วมบิดามารดาได้
--- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/supportTue, 14 Jun 2022 - 09min - 153 - EP153 : ผมหางานไม่ได้แม้แต่ในร้านฟาสฟู้ด ผมจึงเปิดบริษัทของผมเอง
ไง ทุกคน! ผมพนันได้เลยว่าพวกคุณทุกคนต้องเคยถูกปฏิเสธมาก่อนหรือบางทีคุณอาจเคยได้ยินคำพูดเช่น "ขอโทษด้วย แต่คุณไม่ดีพอ" ผมรู้ว่ามันบั่นทอนจิตใจ และมีคนมากมายที่รู้สึกสิ้นหวังเมื่อได้ยินคำตอบว่า "ไม่" แต่ผมไม่อยากให้คุณเป็นเหมือนอย่างพวกเขา เพราะงั้นผมถึงจะเล่าเรื่องของผมให้คุณฟัง เพื่อให้คุณเชื่อว่าไม่มีอะไรในโลกที่หยุดคุณจากการประสบความสำเร็จได้นอกจากตัวคุณเอง ชีวิตของผมเริ่มต้นขึ้นเมื่อหลายปีมาแล้วในประเทศจีน ผมเป็นลูกคนที่สองในบรรดาพี่น้องสามคน ในตอนนั้นทั้งประเทศกำลังประสบกับช่วงเวลาที่ลำบาก รวมทั้งครอบครัวของผมด้วย พ่อและแม่เป็นนักเล่าเรื่องผ่านดนตรีและหาเงินจากการสอนคนให้เล่นเครื่องดนตรีประจำชาติ แน่นอนว่ามันไม่ได้เงินมากนัก คุณรู้มั้ยว่าเราไม่ถูกนับรวมเป็นชนชั้นกลางด้วยซ้ำ แต่ชีวิตก็งี้
และแล้วเนื่องจากเรื่องทางการเมืองอันซับซ้อนทำให้ประเทศบ้านเกิดของผมเปลี่ยนไป เมืองเล็ก ๆ ที่ผมเคยจับจิ้งหรีดมาเล่นเป็นงานอดิเรกเริ่มเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกมาเยี่ยมเยือน ผมทึ่งกับความหลากหลายของผู้คนจากวัฒนธรรมและประเทศต่าง ๆ และผมคิดว่าสักวันหนึ่งผมจะท่องเที่ยวแบบพวกเขาเพื่อดูโลกบ้าง แต่มันก็มีปัญหาใหญ่อยู่ อืม แหงล่ะว่า ยกเว้นเรื่องเงิน นักท่องเที่ยวเหล่านั้นพูดภาษาอังกฤษและผมพูดไม่ได้ ผมก็ไม่แน่ใจว่าเพราะอะไรแต่ในตอนนั้นทั้งที่ผมยังเป็นเด็ก แต่ผมกลับมั่นใจว่าการรู้ภาษาอังกฤษจะเปิดโอกาสมากมายให้กับผม แต่ในโรงเรียนของผมไม่ได้สอนภาษาอังกฤษ และแน่นอนว่าพ่อแม่ก็จ่ายค่าจ้างติวเตอร์ไม่ไหว แต่ผมก็พบวิธีการเรียนด้วยตัวเอง ผมเริ่มฟังวิทยุรายการของบีบีซีและเดอะวอยซ์ออฟอเมริกาทุกวัน ตอนสองถึงสามทุ่ม ผมสนุกกับการฟังเสียงของผู้ประกาศข่าวและพยายามเลียนแบบ
แต่ในขณะเดียวกัน ผมไม่สามารถเก่งภาษาอังกฤษได้ถ้าไม่ฝึกพูด คุณก็รู้ แต่ก็ไม่มีใครใกล้ ๆ ที่ผมจะฝึกพูดภาษาอังกฤษด้วยได้และทำให้มันยากขึ้นไปอีก แต่ไม่ว่าใครก็ตามที่ได้ตั้งเป้าหมายไว้ จะหาหนทางไปสู่เป้าหมายได้ในที่สุด มันมีโรงแรมที่มีนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเข้าพักห่างจากบ้านของผม 40 นาทีถ้าคุณปั่นจักรยานไปและผมก็ไป ทุกวันจริง ๆ ไม่ว่าอากาศจะเป็นยังไงก็ตามผมก็ยังไป และผมให้บริการเป็นไกด์เล่าเรื่องราวของเมืองและประเทศนี้ให้นักท่องเที่ยวเหล่านั้นฟัง ผมสนุกกับประสบการณ์นั้นมากและผมก็ทำให้ฟรี ๆ เป็นเวลาหลายปี แต่ผมไม่เคยประสบความสำเร็จในชั้นเรียนเลย สำหรับผมการเรียนนั้นยากมากจนทำให้ผมสอบตกในการสอบปลายภาคถึงสองรอบทั้งตอนเรียนประถมและมัธยมต้น ผมสงสัยว่าผมโง่ที่สุดในชั้นเรียนหรือเปล่า ผมคิดว่าเป็นเพราะผมไม่มีเป้าหมายการเรียนที่ชัดเจน แต่การหมกมุ่นในการเรียนภาษาอังกฤษของผมให้แรงบันดาลใจกับผม
--- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/supportThu, 09 Jun 2022 - 08min - 152 - EP152 : เพื่อนของผมเดินไม่ได้อีกต่อไปเพราะผมเป็นต้นเหตุ
สวัสดีทุกคน! ผมชื่อจาเร็ตอายุ 15 ปี คุณรู้มั้ยว่ามันรู้สึกอย่างไรเวลาที่ส่องกระจกแล้วคุณไม่อยากตัวเองในนั้น? คุณเคยรู้สึกต่อต้านตัวเองจนอยากจะลืมว่าตัวเองเคยเป็นใครและกลายเป็นคนใหม่ให้มันรู้แล้วรู้รอดมั้ย? เปล่าเลย ผมไม่ได้ถูกล้อเลียนหรือถูกกลั่นแกล้งที่โรงเรียน แต่ประเด็นก็คือผมมันเป็นคนที่ไม่มีอะไรพิเศษเอาเสียเลย ที่โรงเรียนผมก็เป็นแค่คนที่ไม่มีใครพูดถึงและถูกหลงลืมได้ง่าย ๆ เสมอ ผมมีพี่น้องทั้งหมดห้าคน และผมก็ไม่ได้มีอะไรพิเศษกว่าพี่น้องคนอื่นเลยเช่นกัน
มีคน ๆ เดียวที่คอยเอาใจใส่ในตัวผมนั่นคือแฟรงค์ เขาเป็นเพื่อนผมมาตั้งแต่ยังเด็ก เขาเป็นคนที่มีความสามารถและมีเพื่อนฝูงมากมาย ผมชื่นชมและนับถือเขามากและไม่เข้าใจว่าทำไมคนแบบเขาถึงมาสนใจคบคนที่น่าเบื่อแบบผมเป็นเพื่อน พวกเราเรียนคนละโรงเรียน แต่เรามักเจอกันหลังเลิกเรียนบ่อย ๆ เขามักจะเล่าเรื่องวงดนตรี เรื่องสาว ๆ และเรื่องปาร์ตี้ให้ผมฟัง ส่วนผมก็ได้แต่อ้าปากค้างเมื่อฟังเรื่องราวของเขาและพยายามซ่อนความรู้สึกเจ็บปวดที่รู้ว่าตัวเองไม่มีอะไรเทียบเขาได้เลยแม้แต่น้อย ผมไม่รู้เหมือนกันว่าเริ่มรู้สึกไม่ชอบเขาแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ผมไม่กล้ายอมรับด้วยซ้ำว่าเขาไม่ได้ทำอะไรผิด แต่ที่ผิดคือผมเอง ดังนั้นผมจึงพยายามอย่างที่สุดในการขจัดความคิดแย่ ๆ พวกนี้ออกไปและรักษามิตรภาพที่ดีของเราไว้
วันหยุดสุดสัปดาห์หนึ่ง แฟรงค์มาหาผมที่บ้าน เขาดูร่าเริงมาก! เขาบอกผมเกี่ยวกับข่าวที่ดีที่สุดว่าเขาจะย้ายมาเรียนโรงเรียนเดียวกับผม และพ่อแม่ของเขาก็ขออาจารย์ใหญ่ให้ย้ายเขามาที่ห้องเดียวกันกับผมด้วย แม่ผมดีใจมากที่ได้ยินเช่นนั้น! เธอรักเขาเหมือนกับที่ใคร ๆ ก็รักเขา ทุกครั้งที่เขามาที่บ้าน เธอมักจะพูดคุยกับเขาเป็นเวลานาน จนบางครั้งผมคิดว่าเธอน่าจะมีความสุขมากกว่าถ้าได้เขามาเป็นลูกชาย คุณอาจเดาออกว่าผมไม่ได้ตื่นเต้นกับข่าวนี้เลย เพราะต่อจากนี้ผมจะต้องเห็นความสำเร็จของเขาทุกวัน ยิ่งไปกว่านั้น ผมยังไม่ต้องการให้แฟรงค์รู้ถึงสถานภาพทางสังคมของผมที่โรงเรียน ส่วนตัวเขากลายเป็นคนเด่นของห้องในทันที และยิ่งแย่เข้าไปอีกเมื่อเขาได้รับความสนใจจากไวโอเล็ตสาวในฝันของผม ผมแอบชอบเธอมาตั้งแต่สองปีก่อน และแน่นอนว่าผมไม่เคยมีโอกาสได้บอกเธอ ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะทำยังไง ความรู้สึกของผมที่มีต่อแฟรงค์เปลี่ยนไป เขาทำให้ผมหัวใจสลาย! และไม่นานสิ่งที่ผมกลัวที่สุดก็เกิดขึ้น
--- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/supportTue, 03 May 2022 - 08min - 151 - EP151 : แม่ไล่ผมออกจากบ้านเมื่อแม่มีครอบครัวใหม่
ไง! ผมชื่อจอร์จ ผมอายุสิบหกปี คุณอาจบอกว่า – ผมเป็นผู้ใหญ่ที่โตแล้ว บางทีนั่นก็อาจจริงนะ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผมทำใจกับเรื่องต่าง ๆ ได้หลังจากสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนที่ผมอายุสิบปี หกปีก่อนผมได้ประสบกับการหักหลังที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ - นั่นคือการหักหลังจากแม่ผมเอง
เรื่องราวของผมเริ่มขึ้นตั้งแต่ก่อนผมเกิดอีก – ผมทำลายชีวิตของแม่ผมขณะที่ยังอยู่ในท้องแม่...อืม ผมเดาว่านั่นคือสิ่งที่แม่คิด ความจริงก็คือ เมื่อแม่ท้องผม มันเกิดขึ้นค่อนข้างจะ...กะทันหันมาก อย่างที่เห็น แม่ยังเป็นแค่วัยรุ่น และแทบเรียนไม่จบอยู่แล้วในตอนที่เจอพ่อผม ในเวลานั้นเขาเป็นนักดนตรีร็อก! ไม่ใช่ดาวเด่นอะไรนะ ไม่ใช่ เรื่องของผมไม่ใช่แบบนั้น วงของพ่อผมไม่ได้ดังอะไร แต่ก็ได้ไปทัวร์เมืองเล็ก ๆ ในสหรัฐอเมริกาอยู่ ระหว่างนั้นเองที่พ่อแม่ผมได้พบกัน ชอบกันและหลังจากนั้นไม่กี่เดือน แม่ผมก็พบว่าตัวเองท้อง เมื่อพ่อแม่ของแม่รู้เรื่องนี้ พวกเขาสั่งให้แม่กำจัดตัวปัญหาออกไป และพอแม่ปฏิเสธ พวกเขาก็เลยตัดหางปล่อยวัดแม่ พวกเขารู้สึกว่าในเมื่อแม่ไม่รอบคอบเอง แม่ก็ควรไปหาพ่อเด็กซะ และนั่นก็คือตอนที่แม่ผมจากบ้านของพ่อแม่ไปตลอดกาล ดังนั้นผมก็เลยไม่เคยพบคุณตาคุณยายของผมเลยและพูดกันตามตรงนะ ผมไม่ได้เสียใจสักนิด ถ้าเพียงแต่คุณตาคุณยายผมมีเมตตากว่านี้สักนิด บางทีชีวิตผมอาจแตกต่างออกไปโดยสิ้นเชิงเลยก็ได้
ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่แม่ผมก็หาพ่อผมเจอ! เขามองท้องโต ๆ ของแม่ด้วยความสงสัย - แต่แน่ละ เขาไม่มีทางแต่งงานกับผู้หญิงที่เขาลืมไปแล้ว ดังนั้นเลยไม่ต้องพูดถึงผู้หญิงที่มีลูกติดมาด้วย! แต่เขาก็สัญญาว่าจะจำไว้ว่ามีผมอยู่ และส่งเงินมาให้เมื่อมีโอกาส เรื่องนี้หมายความว่า พ่อผมก็ไม่รวยเหมือนกัน แต่ในตอนนั้นสำหรับแม่ผม แค่นี้ก็เพียงพอแล้ว
--- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/supportThu, 18 Nov 2021 - 08min - 150 - EP150 : พ่อสุดเพี้ยนเรียกฉันว่า"ลูกชาย" ทั้งที่ฉันเป็นผู้หญิง!
ไงทุกคน! ฉันชื่อโรเบอร์ต้าอายุ 13 ปี ถ้าเด็กสามารถหย่าร้างกับพ่อแม่ได้ เหมือนคู่สมรส ฉันจะขอหย่าขาดจากพ่อของฉัน ก่อนอื่นคุณจะต้องรู้เกี่ยวกับพ่อของฉันผู้ซึ่งฝันอยากมีลูกชายมาตลอด เขาแทบจะหมกมุ่นอยู่กับความคิดนี้ หรืออย่างน้อยเขาก็ไม่ได้บอกฉัน ดังนั้นเมื่อแม่คลอดพี่ชายของฉัน โรเบิร์ต พ่อจึงมีความสุขมากที่สุดในโลก เขาตัดสินใจที่จะปลูกฝังให้พี่ของฉันประสบความสำเร็จทางด้านกีฬา และพี่ก็ได้เป็นนักกีฬาฮอกกี้ ที่ได้รับรางวัลมากมาย พ่อรักโรเบิร์ตมากกว่าอะไรในโลก และแน่นอน แม่ก็รักเขามากด้วยเช่นกัน
วันหนึ่งขณะที่โรเบิร์ตกำลังเล่นบอลอยู่ข้างนอก ส่วนแม่มัววุ่นอยู่กับโทรศัพท์ ลูกบอลกลิ้งออกไปที่ถนน โรเบิร์ตวิ่งตามออกไปเก็บ และรถคันหนึ่งก็... เขาเสียชีวิตในระหว่างทางที่ไปโรงพยาบาล ในขณะที่มีอายุเกือบ 8 ขวบ แม้ว่าทุกอย่างจะเกิดขึ้นก่อนที่ฉันจะเกิด แต่ฉันก็พอรู้ว่าพ่อแม่ของฉันเสียใจอย่างมากหลังจากการตายของโรเบิร์ต พ่อโทษว่าทุกอย่างเป็นความผิดแม่และเขาก็คิดแบบนั้นจริงๆ จากนั้นเขาก็เริ่มดื่มหนักมาก แม่รักพ่อและพยายามให้กำลังใจเท่าที่จะทำได้เพื่อช่วยให้เขาผ่านทุกอย่างไปให้ได้ ด้วยเหตุนี้สุขภาพของแม่จึงแย่ลงและเธอใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการทดสอบทางการแพทย์เพื่อหาสาเหตุของโรคและการรักษาที่ถูกต้อง อย่างไรก็ตามหลังจากผ่านไปได้ระยะหนึ่งพ่อก็เข้ารับการบำบัดและความสัมพันธ์ระหว่างเขากับแม่ของฉันก็ดีขึ้น และแม่ของฉันก็ท้องอีกครั้ง หมอบอกว่าเด็กที่เกิดมาจะเป็นเด็กผู้ชายพร้อมโชว์ภาพจากโซโนแกรมให้พวกเขาดู และนั่นทำให้พ่อมีกำลังใจมากขึ้น
แต่เมื่อเกิดฉันกลับไม่ใช่เด็กผู้ชาย แต่นั่นก็ไม่ได้หยุดพ่อจากการสอนฉันให้เหมือนกับเด็กผู้ชาย เขาพาฉันไปทุกที่ที่เขาไปและสอนฉันทุกอย่างที่เขารู้ ตอนอายุ 6 ขวบฉันตกปลา ว่ายน้ำ เล่นฟุตบอล เบสบอลและอีกมากมายได้อย่างชำนาญ ฉันรู้ด้วยซ้ำว่าอะไหล่ทุกชิ้นในรถของพ่อเรียกว่าอะไรและมีไว้ใช้ทำอะไรบ้าง แต่ต้องขอบอกว่า ช่วงเวลานั้น เราสนุกด้วยกันมาก แม้ว่าเรื่องที่พ่อบังคับฉันให้ตัดผมสั้นจะไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรสำหรับฉัน และมีบางครั้งที่เพื่อนเก่าๆ ของพ่อแม่ที่ไม่เคยรู้จักฉันมาก่อนจะทักว่าฉันเป็นเด็กผู้ชายที่ดูน่ารักมาก แต่ฉันก็ยังโอเคกับมัน เพราะบางครั้งมันก็อาจเกิดขึ้นได้ เรื่องการแยกไม่ออกระหว่างเด็กผู้ชายกับเด็กผู้หญิง จริงมั้ย? แต่ในขณะที่ทุกคนเรียกฉันว่าเบอร์ตี้ แต่พ่อกลับเรียกฉันว่าบ๊อบบี้э
--- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/supportMon, 01 Nov 2021 - 10min - 149 - EP149 : ฉันคบกับลูกชายของแม่บ้าน เขาขโมยของๆ ฉัน!
สวัสดีทุกคน! ฉันชื่อโลล่า อายุ 15 ปี ฉันยังคงสงสัยว่าทำไมผู้คนมักจะบอกว่าเราควรเป็นคนดีและมีเมตตา เพราะตอนนี้ฉันได้รับประสบการณ์บางอย่างที่ไม่ค่อยน่ายินดีนัก ซึ่งพนันได้เลยว่ามันจะไม่เกิดขึ้นถ้าพ่อแม่และฉันไม่เป็นคนดีมากเกินไป อย่างแรกที่คุณควรจะรู้เลยคือ ครอบครัวของฉันนั้นร่ำรวย พวกเราอาศัยอยู่ในบ้านหลังใหญ่บริเวณชานเมืองที่มีทั้งสวนและสระน้ำ พ่อแม่ของฉันมีหน้ามีตาในสังคม ส่วนพี่สาวและฉันมีทุกอย่างที่อยากได้ แต่อย่าเพิ่งคิดว่าเราหยิ่งยโสนะ มันกลับกันเลยล่ะ จริงๆ แล้ว แม้จะไม่บ่อยนัก แต่ฉันได้ยินคนอื่นพูดถึงครอบครัวของเรา ทุกคนรักเรามากๆ และชื่นชมความจริงที่ว่าพ่อแม่นั้นสามารถจัดการการใช้เงินของพวกท่านได้อย่างไร้ที่ติ และพวกท่านก็เลี้ยงดูฉันและอลิซ พี่สาวของฉันให้เติบโตมาอย่างดีด้วย มันช่างน่ายินดีใช่ไหมล่ะ?
อันที่จริงแล้ว มีคนที่ช่วยเหลือเราหลายคน ซึ่งช่วยดูแลเราและทรัพย์สินของพวกเรา และในบรรดาพวกเขา คนที่สำคัญที่สุดและใกล้ชิดครอบครัวเราที่สุดคือแม่บ้านรอนด้า ซึ่งเราเจอเธอเมื่อ 5 ปีก่อนและหลังจากนั้นเราก็ไม่เคยมีปัญหาอะไรกันเลย เธอทำอาหารเก่ง, เก็บของทุกอย่างอย่างเป็นระเบียบ และเป็นคนที่จิตใจดีสุดๆ เธอทุ่มเทเพื่อครอบครัวตัวเอง และเรียกฉันกับพี่ว่า “สาวน้อยแสนล้ำค่าของเธอ” วันหนึ่งในระหว่างช่วงเวลาหลังอาหารค่ำตามปกติของเรา รอนด้าได้มาหาพ่อและขอให้ท่านช่วยอะไรบางอย่าง รอนด้าจากประเทศบ้านเกิดของตัวเองมาเพื่อหาเลี้ยงครอบครัว เธอมาทำงานกับเราและปล่อยให้ลูกชายอยู่กับสามีของเธอ แต่เมื่อไม่นานมานี้ เกิดอุบัติเหตุขึ้นกับสามีที่กำลังทำงานอยู่ที่ลานเก็บไม้ โชคไม่ดี เขาเสียชีวิตลง นั่นแหละ รอนด้าจึงไม่สามารถปล่อยให้ลูกชายที่เพิ่งจบจากโรงเรียนอาศัยอยู่คนเดียวโดยไม่มีอนาคต, ไม่มีโอกาส และไม่มีพ่อได้ ดังนั้น เธอจึงขอยืมเงินจำนวนหนึ่งกับพ่อเพื่อซื้อตั๋วให้อเล็กซ์และขออนุญาตให้เขาอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้กับเธอ เธอยังรับประกันด้วยว่าลูกชายของเธอนั้นเป็นหนุ่มฉลาดและขยัน ซึ่งอาจจะมาช่วยทำงานเป็นคนสวนได้ หรือไม่ก็ดูแลสระน้ำ หรืออะไรก็ตามที่เราต้องการ ซึ่งนี่จะเป็นโอกาสที่เขาจะได้เริ่มต้นอนาคตของตัวเอง
แน่นอน พ่อบอกว่าเขายินดีที่จะช่วยรอนด้า และประมาณหนึ่งสัปดาห์จากนั้น บ้านของเราก็ได้ผู้ช่วยคนใหม่ อเล็กซ์ดูเหมือนคนที่เพิ่งออกมาจากปกนิตยสารหรืออะไรทำนองนั้น เขาสูง, มีผมสีเข้ม, ดวงตาสีเขียว และตอนที่ได้ทำสวนครั้งแรก ในตอนที่เขาถอดเสื้อตัวเองออก สายตาของฉันก็ได้เหลือบมองกล้ามท้องของเขาอย่างช่วยไม่ได้ ไม่แปลกเลยที่ฉันจะรู้สึกเหมือนหลงเสน่ห์เขาในทันที สิ่งที่เป็นแรงบันดาลใจยิ่งกว่าการดูเขาทำงานคือ ภาพลักษณ์ที่น่ามองของเขา ซึ่งมันน่าสนใจสุดๆ และบอกได้เลยว่าฉันถูกเขาดึงดูดความสนใจเข้าแล้ว
--- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/supportSun, 31 Oct 2021 - 11min - 148 - EP148 : ฉันเจอรูปแปลกๆในมือถือของแฟน ฉันไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลย!
สวัสดี ฉันชื่อบรี อายุ 17ปี ฉันอาศัยอยู่ในเมืองเล็ก ๆ และเรียนอยู่ปีสุดท้ายของโรงเรียนมัธยมแล้ว แฟนของฉันชื่อเจสัน เขาอายุมากกว่าฉันหนึ่งปีตอนนี้เขาเรียนจบมัธยมแล้ว และได้ย้ายไปเรียนมหาวิทยาลัยที่เมืองอื่น ดังนั้นในปีนี้ พวกเราจึงไม่ได้เจอหน้ากันบ่อยนัก บางทีอาจแค่สองสามเดือนครั้ง แต่ฉันวางแผนไว้นะว่า ฉันจะย้ายไปอยู่เมืองเดียวกันและเข้าเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกับเขาที่ที่ฉันก็จะได้เรียนศิลปะ ในขณะที่เขาเรียนสาขาวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ แน่นอนว่าเจสันมีเพื่อนใหม่ที่นั่นมากมาย และเขาก็ไม่อยากที่จะเสียเวลาขับรถ 6-7ชั่วโมงเพื่อมาหาฉันที่บ้านเกิด ส่วนฉันเองก็กำลังเรียนอยู่ในปีสุดท้ายเราจึงไม่ค่อยมีเวลาว่างมาเจอกันบ่อยนัก แต่เราก็โอเคกับจุดนี้ตราบใดที่เรายังคงคบเป็นแฟนกันอยู่ ชีวิตมันก็ต้องมีอุปสรรคบ้างบางครั้งและเราต่างก็ยอมรับช่วงเวลานี้ได้ว่าเราควรต้องมุ่งทำในสิ่งที่สำคัญที่สุดไปพร้อม ๆ กับการรักษาความสัมพันธ์ของเรา แต่ว่าตอนนี้ ฉันชักเริ่มไม่แน่ใจแล้วสิว่าเราจะไปกันรอดหรือเปล่า ทำไมฉันถึงรู้สึกอย่างนั้นน่ะเหรอ? เอาล่ะ ฉันจะเล่าให้คุณฟัง
...มันเกิดขึ้นตอนที่เจสันมีเวลาว่างพอที่จะกลับมาบ้านเพื่อมาพบฉัน คืนนั้นเรานั่งเล่นบนโซฟาและดูหนังกัน เจสันเพลียจากการขับรถที่เช่ามาพร้อมกับเพื่อน ๆ เขาจึงเผลอหลับไป ฉันได้แต่นั่งอยู่ข้าง ๆ จ้องมองชายคนที่ฉันรักอย่างเอ็นดู และสงสัยว่าชีวิตในมหาวิทยาลัยของเขาจะเป็นอย่างไรบ้าง แล้วทำไมเขาถึงโพสต์รูปภาพกับเพื่อนใหม่แค่สองสามรูปในอินสตาแกรมเท่านั้น เขาวางมือถือเอาไว้บนโต๊ะ ที่เต็มไปด้วยป็อปคอร์น ถุงมันฝรั่งทอดที่เหลืออยู่ครึ่งถุง กระป๋องน้ำอัดลมและ ช็อกโกแลตที่กัดไปแล้วนิดหน่อย พูดง่าย ๆ ก็คือมันวางอยู่ใต้ขนมต่าง ๆ ที่เราเตรียมสำหรับการดูหนังในคืนนี้ที่บ้าน
ฉันไม่สามารถต้านทานความอยากรู้อยากเห็นของตัวเองได้ จึงหยิบมือถือของเขาคิดมาดูพร้อมกับอีกมือก็ถือช็อกโกแลตกินไปด้วย ฉันเริ่มดูรูปถ่ายของเขา โอ้ ได้โปรดอย่าเข้าใจผิดนะ ฉันไม่ได้คิดที่จะจับผิดแฟนของฉันเลย! แทบไม่ได้คิดถึงเรื่องนั้นเลยด้วยซ้ำ! ฉันก็แค่อยากดูรูปถ่ายของเขาที่มหาวิทยาลัย เขาเล่าเรื่องต่าง ๆ ให้ฉันฟังมากมายตอนที่เราโทรคุยกันแทบทุกคืน แต่เขาไม่เคยส่งรูปอะไรมาให้ ฉันก็เลยคิดอยากเห็นขึ้นมาว่าเพื่อน ๆ ของเขาดูเป็นยังไงกันบ้าง แล้วฉันก็เลื่อนดูรูปต่าง ๆ มากมาย ซึ่งส่วนมากก็เป็นรูปถ่ายธรรมดา ๆ ทั่วไป... จนกระทั่ง ฉันได้เห็นรูปของเขารูปหนึ่งซึ่งสวมชุดเดรสฟูฟ่องสีชมพูและแถมยังแต่งหน้าหนาเตอะ พร้อมทาลิปสีชมพูและอายชาโดว์กากเพชร
--- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/supportFri, 10 Sep 2021 - 10min - 147 - EP147 : ผมพบว่าบ้านผมไฟไหม้ขณะที่พ่อผมอยู่ข้างใน
สวัสดีครับทุกคน ผมคือนิค อายุ 15 ปี หลังจากที่ผมสูญเสียแม่ไป ผมก็หวังว่า ชีวิตของผมจะไม่ต้องมีความท้าทายอะไรอีกแล้ว. แต่ไม่นานมานี้ ผมถูกทิ้งไว้คนเดียวกลางเกาะที่อยู่ห่างจากบ้านนับพันๆ ไมล์ แน่นอน ที่นั่นไม่ใช่เกาะร้าง แต่เป็นเกาะสวรรค์ที่มีหาดทราบสวยงาม ต้นปาล์ม และต้นมะพร้าว. ผมควรจะมีความสุขดีที่นั่น แต่ทุกวันผ่านไป ผมยิ่งอยากกลับไปบ้านมากขึ้นเรื่อยๆ ผมคิดถึงชีวิตเก่าของตัวเอง และอยากได้ชีวิตผมกลับคืนมา แต่สิ่งนี้ยิ่งทำให้เจ็บปวดยิ่งกว่าเมื่อผมตระหนักดีว่า นั่นมันเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน เมื่อปีที่แล้ว ครอบครัวของเราต้องเผชิญกับความโหดร้ายอย่างยิ่งยวด แม่ของผมได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็ง หลายเดือนที่แม่ต่อสู้กับโรคร้าย. ไปโรงพยาบาลมาหลายแห่ง แต่ไม่มีที่ไหนช่วยแม่ได้เลย แม้จะมีกำลังใจจากเรา แม่ก็ยังอาการแย่ลงเรื่อยๆ ไม่นานแม่ก็จากไป
--- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/supportThu, 09 Sep 2021 - 09min - 146 - EP146 : แม่ขังฉันไว้แล้วบอกว่าฉันจะตายถ้าออกไป
ว่าไง ทุกคน ฉันชื่อเอลลี่ คุณรู้ไหมว่าบางครั้งความโชคร้ายก็เปลี่ยนชีวิตคนให้เหมือนตกนรกได้ แต่ในกรณีของฉันมันต่างออกไป เราเลี่ยงความโชคร้ายได้ แต่ชีวิตของฉันก็เปลี่ยนไปตลอดกาล มันเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่ปีก่อน พ่อแม่ฉันเซอไพรส์ฉันและบอกว่าเรากำลังจะได้ใช้เวลาสามเดือนบนเกาะสุดเก๋ที่ไหนสักแห่งในเอเชีย พวกเขาจะจองวิลล่าไว้และพวกเราจะได้สนุกกับการอยู่ในสรวงสวรรค์ตลอดทั้งฤดูร้อน แต่เรื่องของเรื่องคือฉันไม่อยากไปเลย! มันเป็นปิดเทอมหน้าร้อนครั้งสุดท้ายของฉันและฉันอยากจะใช้เวลากับเพื่อน ๆ! ปีหน้าพวกเราต่างก็ต้องไปเรียนมหาวิทยาลัยคนละที่กัน แล้วก็อาจจะไม่ได้ติดต่อกันอีก อีกอย่างฉันเกิดเดือนกรกฎาคม ฉันไม่อยากจะฉลองวันเกิดกับพ่อแม่ที่เกาะหรอก ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเกาะสวรรค์ก็เถอะ แต่โชคร้ายที่ไม่มีใครถามความเห็นฉันเลย พ่อแม่จองตั๋วเครื่องบินแล้วและพวกเขาไม่ปล่อยฉันไว้คนเดียวที่บ้านแน่ เพราะงั้นฉันจึงไม่มีทางเลือก แต่ฉันตั้งใจว่าจะอยู่บ้านจึงตัดสินใจขัดขวางการเดินทางครั้งนี้ ใช่แล้ว ฉันรู้ว่าพ่อแม่คงจะเสียเงินเยอะแต่เข้าใจฉันหน่อยเถอะ นี่มันสามเดือนในชีวิตของฉันเลยนะที่ต้องอยู่ห่างจากบ้านและเพื่อน ๆ เป็นพันกิโล
แล้ววันเดินทางก็มาถึง ฉันจัดกระเป๋าตามแผนที่วางไว้และเราเช็คของเป็นครั้งสุดท้าย ฉันช่วยเพื่อที่จะได้เห็นว่าแม่เอาพาสปอร์ตของพวกเราเก็บไว้ไหน ที่ต้องทำก็แค่หันเหความสนใจของพ่อแม่ เอาซองใส่พาสปอร์ตของจากกระเป๋าของแม่และซ่อนมันไว้ที่บ้าน แม่โทรเรียกแท็กซี่ แล้วพวกเราก็นั่งรอรถ ฉันคิดว่านี่เป็นช่วงเวลาที่เหมาะที่สุดในการสร้างความตื่นตระหนก ฉันเลยออกไปข้างนอกแป๊ปนึง โทรหาบริษัทแท็กซี่และยกเลิกแท็กซี่ ฉันหวังว่าเมื่อแท็กซี่ยังไม่มาแม่จะเริ่มกังวลและแม่จะออกห่างจากกระเป๋าของเธอสักแป๊ป แท็กซี่ไม่มาตามเวลาที่นัดไว้และไม่ช้าพ่อแม่ก็เริ่มเป็นกังวลอย่างมาก และเมื่อแม่โทรไปที่บริษัทแท็กซี่และพบว่าปัญหาคืออะไร แม่จึงรู้ว่าฉันพยายามทำลายทริปของเรา และอย่างที่ฉันคาดไว้แม่เริ่มตื่นตระหนก แม่กับพ่อวิ่งออกไปเรียกแท็กซี่ได้ในที่สุด เยี่ยมเลย ทำให้ฉันมีเวลาพอที่จะขโมยซองใส่พาสปอร์ตและโยนไว้ในตู้เสื้อผ้า
หลังจากนั้นพวกเราก็รีบไปที่สนามบิน พ่อแม่ตะโกนใส่ฉันตลอดทางและบอกว่าถ้าพวกเราไปไม่ทันฉันจะต้องถูกลงโทษ ฉันไม่กลัวเลยแม้แต่น้อย ฉันพร้อมที่จะถูกกักบริเวณ โดนหักค่าขนม หรืออะไรก็ตามที่พวกเขาคิดออก เรามาถึงช้าแต่ก็ยังมีเวลาให้เช็คอินและเมื่อพนักงานขอพาสปอร์ต แม่ก็ตกใจมากที่พบว่ามันไม่อยู่ ไม่มีเวลาพอที่จะกลับไปเอาแล้วเพราะงั้นฉันชนะ ฉันแทบอดจะร้องออกมาว่า "เย้!" ไม่ได้ แต่เมื่อเห็นสายตาอันขุ่นเคืองของพ่อแม่ฉันก็รู้สึกได้เลยว่าแย่แน่ ๆ โอ้ ต้องบอกมั้ยว่าพ่อแม่ดุฉันหนักขนาดไหน ฉันสาบานเลยว่าแม่พร้อมจะฆ่าฉันเพราะสิ่งที่ฉันทำเลยล่ะ การลงโทษเริ่มขึ้นทันทีที่เราถึงบ้าน ฉันต้องเก็บของจากกระเป๋าเดินทางทั้งหมดและทำงานบ้านทั้งหมดด้วย พ่อแม่ยังบอกด้วยว่าฉันจะถูกกักบริเวณตลอดทั้งปิดเทอมหน้าร้อน แหงล่ะว่านี่ไม่ใช่อย่างที่ฉันหวังไว้และฉันก็ไม่คิดว่าพ่อแม่จะโกรธหนักขนาดนี้ ฉันเริ่มรู้สึกแย่ ฉันทำลายทริปนี้ มันคงดีกว่านี้จะเราได้ไปที่เกาะงี่เง่านั่น แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันต่อมาเปลี่ยนทุกสิ่ง
--- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/supportWed, 25 Aug 2021 - 09min - 145 - EP145 : ฉันมีเวลาเหลือแค่ 1 ปีและได้ทำเรื่องแย่มากมาย
สวัสดีทุกคน ฉันชื่อจิอานน่า และฉันคิดว่าบางครั้งทุก ๆ คนก็อยากจะรู้อนาคตของตัวเอง จะได้ทำงานอะไร, จะได้เงินเท่าไหร่, จะตายตอนไหน มันเป็นอะไรที่น่าเหลือเชื่อ แต่ก็เจ๋งใช่ไหมล่ะ ก็นะ จากประสบการณ์ของฉันแล้ว มันไม่เจ๋งเลย ฉันเป็นเด็กสาวอายุ 15 ที่เต็มไปด้วยความทะเยอทะยาน มีการวางแผน และมีความหวังอันยิ่งใหญ่ ฉันมีครอบครัว เพื่อน และแฟนที่น่ารัก จะต้องการอะไรอีกล่ะ? ด้วยเหตุผลบางอย่าง ทุกอย่างเหมือนถูกทำลาย มันเริ่มต้นจากการปวดหัวเพียงเล็กน้อย ซึ่งฉันไม่สนใจ จากนั้นก็รู้สึกประหลาดใจเมื่อสังเกตตัวเองแล้วพบว่า ฉันมักจะเหนื่อยอยู่บ่อย ๆ หลังจากตื่นนอนตอนเช้า ซึ่งฉันก็คิดเพียงแค่ว่า เป็นเพราะยุ่งมาก ๆ นั่นแหละ
ครั้งหนึ่งตอนที่ฉันไปข้างนอกกับเพื่อน ฉันรู้สึกว่างเปล่าและ... ตื่นมาบนเปลหาม ทุกอย่างเบลอไปหมด ฉันเห็นเพื่อน ๆ ทำหน้าตกใจ และหมอที่กำลังเรียกชื่อฉันอยู่ ฉันรู้สึกตัวตอนอยู่ที่โรงพยาบาล ครั้งนี้ฉันปวดหัวอย่างสุด ๆ พ่อ แม่ พี่ชายของฉันก็อยู่ด้วย ฉันถามพวกเขาว่าเกิดอะไรขึ้น แม่จึงบอกว่ามันเป็นอุบัติเหตุ ฉันเป็นลม ล้มลงบนทางเท้า ทำให้หัวได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรง เพื่อน ๆ จึงเรียกรถพยาบาลให้ แต่ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงหรอก หมอสัญญาว่า ฉันจะกลับบ้านได้ทันทีถ้าได้รับผลเอกซเรย์แล้ว ดังนั้น ฉันจึงใจเย็นลงนิดหน่อย แต่ก็ยังอยากออกจากที่นั่นให้ไวที่สุดอยู่ดี เพราะหมอและโรงพยาบาลมักทำให้ฉันกลัว!
เช้าวันรุ่งขึ้น ฉันคิดว่าตัวเองรู้สึกดีขึ้น ในขณะที่ฉันกำลังเก็บของ หมอและพ่อแม่ของฉันก็เข้ามาในห้อง แม่หน้าซีด ส่วนพ่อก็ทำหน้ากลุ้มใจ หมอเป็นคนดีและยิ้มเก่งมาก เขาเล่ามุกตลก แต่ดูเหมือนว่าเขาอยากจะพูดบางสิ่งที่จริงจังออกมา
--- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/supportFri, 20 Aug 2021 - 10min - 144 - EP144 : ฉันท้องเพื่อหนีจากครอบครัวที่น่ากลัวของฉัน
สวัสดี! ฉันชื่อรูบี้ ฉันเพิ่งเรียนจบจากโรงเรียนและแต่งงานแล้ว และฉันก็ท้องอยู่ด้วย นี่คือที่มาว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ทุกอย่างเริ่มต้นเมื่อหลายปีก่อนที่ฉันจะโตเป็นวัยรุ่น ฉันกลับมาจากโรงเรียนในวันหนึ่งและเจอเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังจะออกจากอพาร์ทเมนต์ของเรา แม่ของฉันหน้าซีดเผือด และเห็นได้ชัดว่าเพิ่งหยุดร้องไห้ ปรากฏว่าพ่อฉันถูกรถเมล์ชน และตอนนี้เราก็สูญเสียเขาไปแล้ว
จะบอกว่ายังไงดีล่ะ? แน่นอน เป็นเรื่องยากที่เราจะผ่านพ้นเรื่องนี้ไปได้ ทั้งสำหรับฉันและแม่ เราเริ่มมานอนบนเตียงเดียวกันหลังจากเรื่องนี้เกิดขึ้น เพราะส่วนใหญ่ฉันจะฝันร้ายถึงเรื่องที่ต้องสูญเสียพ่อไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า และแม่ฉันก็บอกว่าแม่ไม่อาจนอนหลับในห้องได้เมื่อไม่มีพ่อ เกือบทุกคืนฉันจะได้ยินเสียงแม่ร้องไห้อยู่ในห้องน้ำ ฉันอยากช่วยแม่ อยากให้แม่รู้สึกดีขึ้น แต่ก็ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร ต้องใช้เวลาราวหนึ่งเดือน หรืออาจมากกว่านั้นอีกนิดหน่อยเพื่อเริ่มต้นชีวิตปกติธรรมดาของเราอีกครั้ง แต่หนนี้ฉันเริ่มสังเกตเห็นว่าแม่ฉันมีบางอย่างผิดปกติไป แม่เริ่มดื่มเหล้าทุกวัน แบบทุกวันจริงๆ ตอนแรกแม่บอกว่าแค่ช่วยให้หลับดีขึ้น และฉันก็เชื่อแม่ แต่วันหนึ่งฉันก็พบว่าแม่นอนหลับอย่างสงบสุขในตอนกลางวัน ซึ่งที่จริงก็หมายถึงแม่โดดงาน สถานการณ์แบบเดียวกันเป๊ะเกิดขึ้นซ้ำอีกหลายหน จนถึงจุดหนึ่งแม่ก็ทำให้ตัวเองถูกไล่ออกจากงานสองอย่างภายใน 5 หรือ 6 สัปดาห์ถัดมา แต่ละครั้งแม่จะบอกว่าเสียใจมาก และเริ่มพยายามเลิกเหล้า แต่เมื่อไม่มีเหล้า แม่ก็จะเริ่มกลายเป็นคนก้าวร้าว และก็อย่างที่คุณรู้ ไม่เป็นมิตรเลยน่ะ เรื่องนี้เกิดบ่อยเสียจนถึงจุดหนึ่งเพื่อนบ้านเราก็เริ่มสงสัยว่าจะมีอะไรสักอย่าง และเรียกนักสังคมสงเคราะห์มาดู
ฉันใช้เวลา 111 วันอยู่ที่ศูนย์ดูแลเด็ก เพื่อรอให้แม่ฉันบำบัดอาการของตัวเอง เมื่อในที่สุดแม่มารับฉันกลับบ้าน แม่ดูผอมลง แต่สุขภาพโดยรวมแข็งแรง ฉันไม่เคยลืมอารมณ์ที่เกิดขึ้นในตอนที่เห็นแม่ผ่านหน้าต่างวันนั้นได้เลย ฉันคิดว่าความสุขของฉันคงจะชัดเจนจนเผื่อแผ่ไปถึงคนรอบข้างด้วย ฉันเห็นว่าแม่ภูมิใจในตัวเองมากขนาดไหนที่เลิกนิสัยแย่ๆ ของตัวเองไปได้ และฉันเองก็เช่นกัน เราทั้งคู่ตกลงกันว่าคงเป็นเรื่องยากถ้าจะใช้ชีวิตในอพาร์ทเมนต์เดิม และอยู่กับเพื่อนบ้านเดิมๆ เราก็เลยเก็บข้าวของและย้ายไปเมืองอื่น เพื่อเริ่มต้นในสภาพแวดล้อมใหม่ทั้งหมด มันเป็นเมืองเล็กๆ ที่มีถนนและบ้านหลังเล็ก ฉันจำได้เลยว่าฉันตื่นตากับทัศนียภาพแค่ไหน ขณะที่แม่ฉันขับรถพาเราไปยังบ้านหลังใหม่ ฉันรู้ว่าชีวิตเราที่นั่นจะต้องต่างออกไป ดีกว่าเดิม และฉันก็ไม่ได้คิดผิด ถึงอย่างนั้นก็ชั่วระยะหนึ่งล่ะ
--- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/supportMon, 09 Aug 2021 - 12min - 143 - EP143 : ฉันยกลูกของฉันให้คนรับเลี้ยง ตอนนี้ฉันอยากได้เขากลับมา!
ไง! ฉันชื่อเจนนะ ฉันกำลังจะเล่าเรื่องราวของฉันให้คุณฟัง เพื่อแบ่งปันเรื่องดราม่าส่วนตัวของฉันด้วยความหวังว่าคุณอาจเข้าใจฉันจริง ๆ ตอนนี้ฉันกำลังนั่งอยู่ตรงหน้าระเบิดเวลาที่กำลังนับถอยหลัง ระเบิดเวลาลูกเบ้อเริ่มและเลวร้าย โดยที่ฉันไม่รู้เลยว่าต้องตัดสายชนวนตรงไหน ฉันไม่ได้พูดเกินจริงนะ – ฉันมีเวลาเหลืออีกแค่สามวันเท่านั้นเพื่อตัดสินใจชะตากรรมของคนสองคน นั่นคือลูกที่น่ารักของฉัน และตัวฉันเอง
ตอนนี้ฉันอายุยี่สิบปีแล้ว เมื่อช่วงประมาณหนึ่งปีครึ่งที่ผ่านมาฉันค้นพบว่าตัวฉันเองท้อง ในตอนนั้นความจริงนี้กระแทกฉันอย่างแรง! แต่หลังจากนั้นกลายเป็นว่านั่นเป็นแค่แรงกระแทกครั้งแรกจากอีกหลาย ๆ ครั้งที่จะตามมา ฉันหวังเหลือเกินว่าฉันจะไม่ได้ไปคุยกับพ่อเด็กตั้งแต่แรก – ฉันเกลียดความคิดที่ว่าคนเลวแบบนั้นกลับเป็นคนที่โด่งดังในอินเทอร์เน็ตอย่างที่เขาเป็น แต่ฉันต้องพูดถึงเขาก่อน แฟนหนุ่มของฉันและพ่อของเด็ก จากไปทันทีที่เขารู้ว่าฉันท้อง เขาบอกว่านั่นไม่ใช่ลูกของเขา และหายตัวไปเลย โดยไม่รอแม้กระทั่งโอกาสที่จะไปตรวจดีเอ็นเอยืนยัน และทิ้งฉันไว้คนเดียวอย่างไม่มีเยื่อใย – โดยเฉพาะเมื่อพ่อแม่ของฉัน ”ไม่ใช่” ประเภทที่จะอยากรับภาระดูแลแม่เลี้ยงเดี่ยวที่มีลูกเล็ก พวกเขายังบอกฉันตรง ๆ ด้วยซ้ำว่าฉันยังไม่พร้อมจะเป็นแม่คน บอกว่าฉันจะไม่สามารถเรียนมหาวิทยาลัยจนจบได้เพราะท้อง และเมื่อไม่มีวุฒิการศึกษา ฉันก็จะหางานดี ๆ ทำไม่ได้ และต้องใช้ทั้งชีวิตดิ้นรนอยู่กับความยากจน และเชื่อฉันเถอะนะ พ่อแม่ฉันรู้ดีมากว่าอะไรคือความยากจน เพราะพวกเขาก็ไม่เคยหลุดพ้นมาได้เลย
ใช่ ในหัวของฉัน ฉันเข้าใจเป็นอย่างดีว่าพ่อแม่พูดถูก แต่ลึกลงไปในใจ ฉันไม่อาจต่อสู้กับความคิดที่ว่าพวกเขาผิดได้ ฉันทนทรมานทางจิตใจอย่างมากเพราะฉันต้องประสบกับความยากลำบากในการตัดสินใจ ฉันอยากเก็บลูกคนนี้ไว้ และฉันก็ไม่อยากในเวลาเดียวกัน ฉันไม่รู้เลยว่าฉันจะทำอะไรต่อ ถ้าไม่ใช่เพราะเฮเลนลูกพี่ลูกน้องของฉันที่อยู่ ๆ ก็เข้ามาช่วยชีวิตฉันไว้
--- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/supportTue, 27 Jul 2021 - 10min - 142 - EP142 : ฉันแกล้งทำเป็นท้องเพื่อไล่แฟนฉันไปไกลๆ แต่ไม่เข้าท่าเลย...
ไงทุกคน ฉันชื่อนอร์มา ฉันอยากเล่าให้คุณฟังว่าฉันถูกผู้ชายบ้าๆ คนหนึ่งจับเป็นตัวประกันได้อย่างไร และฉันก็ไม่อาจหนีออกมาได้ด้วย และพอฉันหนีพ้นมาได้ อะไรๆ ก็ยิ่งแย่ลง แต่ตอนนี้ทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้วนะ แบรนดอนเพื่อนรักของฉันพยายามชวนฉันไปงานเลี้ยงวันเกิดของเพื่อนเขามาระยะหนึ่งแล้ว แต่ฉันไม่อยากไป ตอนนั้นการสอบปลายภาคกำลังจะมาถึง และฉันต้องเตรียมตัวอ่านหนังสือ แต่เขาเอาแต่พูดว่าที่นั่นเจ๋งยังไงบ้าง และคนครึ่งโรงเรียนก็คงมาร่วมงานด้วย. เขาบอกว่าเพื่อนร่วมชั้นรวยๆ คนหนึ่งของเราจะมีบ้านทั้งหลังเป็นของตัวเองในวันนั้น ถ้าพลาดโอกาสนี้ไปจะถือว่าพลาดแบบสุดๆ เลย ไม่นานฉันก็ยอมจำนน และตอบตกลงไปด้วย ฉันทำเพื่อไล่แบรนดอนให้เลิกเกาะติดตามตื๊อมากกว่า. และหลังจากนั้นฉันก็ต้องมานั่งเสียใจเอง
เรื่องคือ ที่นั่นมีผู้ชายคนหนึ่งชื่อเดเรคด้วย โอ ฉันรำคาญเขาสุดๆ เลย เขาไล่ตามฉันไปโน่นนี่มาทั้งปีแล้วนะ! เขาชอบฉันมากจริงๆ และก็เอาแต่ไล่ตื๊อ พยายามจะขอฉันคบ แต่ฉันปฏิเสธเขาแทบจะเป็นพันครั้งแล้ว ฉันปฏิเสธที่จะไม่ไปดื่มกาแฟกับเขา หรือไปดูหนัง หรือไปไหนก็ตาม และครั้งหนึ่ง เขาถึงขนาดวางเทียนไว้หน้าบ้านฉันเป็นอักษรคำว่า “ผมชอบคุณ” ฉันต้องบอกเลยนะว่ามันน่ารักดี แต่ฉันก็ยังไม่อยากคบกับเขา เพราะเขาเป็นคนประหลาด เขาแต่งตัวแปลกๆ ชอบคุยเรื่องแปลกๆ และครั้งหนึ่ง เขาถึงขนาดตามฉันกลับบ้านมาตลอดทางเหมือนพวกโรคจิต และตอนนี้เขาก็มาอยู่ที่งานปาร์ตี้เดียวกับฉัน แล้วไม่ยอมปล่อยให้ฉันอยู่ตามลำพังแบบจริงๆ เลย ถึงตอนหนึ่ง พวกเรานั่งกันที่โซฟา คุยเรื่องโน่นนี่เกี่ยวกับโรงเรียน แล้วแบรนดอนก็บอกว่าเขามีเรื่องเซอร์ไพรส์ และแบรนดอนก็พาเพื่อนฉันไปกับเขา ทีนี้ฉันเลยถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวจริงๆ กับตาเดเรคคนน่าขนลุก แน่ล่ะว่าเขาเริ่มพูดอีกแล้วว่าเขาชอบฉัน และอยากคบฉันแค่ไหน
อยากจะผ่อนคลายและสนุกกับงาน และไม่อยากทำลายบรรยากาศด้วยการพูดกับเขา ฉันก็เลยตะโกนใส่เดเรค บอกเขาว่าไม่มีทางที่อะไรในโลกจะทำให้ฉันไปคบกับเขาได้ และให้เขาไสหัวไปพ้นๆ ฉันหวังว่าในที่สุดเขาจะได้รู้ตัวเสียที และบางทีฉันก็แค่ต้องใช้วิธีปฏิเสธเขาแบบแรงๆ
--- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/supportMon, 26 Jul 2021 - 11min - 141 - EP141 : พี่ชายของฉันไล่ฉันและแม่ออกจากบ้านของเรา
ไงทุกคน! ชื่อของฉันคือแอนนา และฉันอายุ 14 ปี. ไม่นานมานี้ฉันเพิ่งถูกทรยศ. โอ ฉันไม่ได้หมายถึงการที่แฟนทิ้งฉันหรืออะไรแบบนั้นหรอกนะ แต่ถ้าเป็นเรื่องนั้นก็คงเป็นเรื่องยากเหมือนกัน แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ว่า พวกพี่ชายของฉันเพิ่งไล่ฉันออกจากบ้าน โดยไม่มีความรู้สึกผิดสำนึกใดๆ
ฉันเดาว่า ฉันต้องเริ่มจากการเล่าเรื่องของฉันก่อนว่า แม่ของฉันเป็นภรรยาคนที่สองของพ่อ และเขามีลูกชายสองคนจากการแต่งงานครั้งแรก ดังนั้นโดยพื้นฐานก็คือ ฉันมีพี่ชายต่างแม่สองคนคือ – เดเรคและจอห์น. ฉันมีมิตรภาพที่ดีกับพวกเขาเสมอมา พวกเขาเคยมาหาพ่อของเราที่บ้าน และอยู่ด้วยนานหลายสัปดาห์ และแม่ฉันก็ดีกับพวกเขามาก ปฏิบัติต่อพวกเขาเหมือนญาติสนิทของแม่ พ่อพาเราทั้งหมดไปพักร้อนอย่างน้อยปีละครั้ง และทุกอย่างก็เป็นไปด้วยดีมากๆ.
--- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/supportSun, 25 Jul 2021 - 08min - 140 - EP140 : ชู้รักของแม่กลับมาเพื่อทำลายครอบครัวของเรา
สวัสดีทุกคน ฉันชื่อลิซ่าและฉันอายุ 18 ปี ไม่นานมานี้ ฉันพาผู้ชายที่ทำลายครอบครัวของฉันและหักอกฉันเข้ามาในบ้าน แต่กลายเป็นว่ามันไม่ใช่ความผิดของฉันคนเดียว ครอบครัวของฉันค่อนข้างร่ำรวยเพราะพ่อของฉันทำงานหนักมาก เขาเป็นนักธุรกิจ ส่วนแม่ของฉันเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยพวกเขาสร้างครอบครัวที่แข็งแรงและฉันก็คิดว่า ไม่มีอะไรมาทำลายสายสัมพันธ์ของพวกเราลงได้ แต่เหตุการณ์มากมายที่เกิดขึ้นเมื่อหลายเดือนก่อนก็แสดงให้เห็นว่า ถ้าใครคนหนึ่งเปลี่ยนแปลงรายละเอียดเล็ก ๆ จากกลไกที่ทำงานอย่างสมบูรณ์แบบไปละก็ทุกอย่างจะพังพินาศ
เรื่องราวเริ่มขึ้นในวันหนึ่งที่ฉันตัดสินใจที่จะโดดเรียนและกลับมาบ้านเร็วกว่าปกติ เมื่อฉันเดินเข้าไปในบ้าน ฉันต้องตกใจมากเพราะมีคนแปลกหน้ากำลังยืนอยู่ในครัวของเรา เมื่อเขาเห็นฉัน เขาก็เริ่มยิ้มอย่างกังวลและพยายามแสดงท่าทีเป็นมิตร เขาบอกว่าเขาเป็นนักศึกษาและแม่ของฉันก็กำลังติวเข้าให้เขาอยู่ พวกเราแนะนำตัวเอง เขาชื่อว่า จอร์จ ฉันพูดคุยกับเขาอยู่พักหนึ่งและสำหรับฉันเขาก็ดูเป็นคนดี ไม่นานนัก แม่ของฉันเข้ามาและเธอไม่คิดว่า จะเห็นฉันอยู่ที่บ้าน ฉันก็ตกใจเหมือนกันเพราะฉันไม่รู้ว่าแม่กำลังติวให้ใครอยู่ เธอบอกว่า เธอเพิ่งเริ่มรับติวเมื่อไม่นานมานี้ เมื่อจอร์จกลับไปและแม่ก็ขอร้องให้ฉันเก็บเรื่องการติวของเธอนี้เป็นความลับ เพราะพ่อต้องหึงและเขาคงไม่เห็นด้วยกับการทำงานพิเศษของเธอ ในตอนนั้นมันก็ฟังดูมีเหตุผลอยู่หรอก ยังไงก็ตาม จอร์จยังคงมาที่บ้านของเราบ่อยขึ้น และฉันก็รู้สึกดีใจ เพราะว่าเขาช่างหล่อและยังเก่งอีกด้วย แต่ที่สำคัญที่สุดคือเขามีอายุมากกว่า ก็เลยยิ่งดูเท่ในสายตาของฉัน ในบางครั้ง ฉันสนุกสนานกับการพูดคุยของเราในช่วงเวลาสั้น ๆ คุณคงเข้าใจได้ว่าฉันเริ่มตกหลุมรักเขาเข้าแล้ว แต่ฉันไม่กล้าที่จะบอกเขา ตอนแรกฉันตัดสินใจที่จะบอกแม่ถึงความรู้สึกของฉัน แต่เมื่อฉันบอกเธอว่าฉันรู้สึกยังไง เธอกลับกลัวและกังวล ฉันไม่รู้ว่าเพราะอะไร เพราะฉันก็โตพอที่จะมีแฟนได้แล้ว แต่แม่ของฉันกลับบอกให้ฉันอยู่ให้ห่างจากเขา แล้วเธอก็บอกว่า ผู้ชายอย่างเขาไม่ใช่คนที่ฉันต้องการหรอกไม่รู้สิ อาจจะเกิดอะไรขึ้นระหว่างพวกเขา และเธอก็เลยคิดว่าเขาเป็นคนไม่ดี แต่ฉันจะทำอะไรได้? ฉันรักเขาเอามาก ๆ ฉันคิดถึงเขาตลอดเวลาและการที่แม่สั่งห้ามไม่ให้คุยกับเขาก็เหมือนยุฉันมากขึ้น ฉันเคยฝันว่า เขาเป็นเด็กเกเรที่ทุกคนคิดไปว่าเขาไม่ดี แต่ลึกลงไป เขาเป็นคนดี เหมือนในหนังเจ๋ง ๆ เข้าใจนะ แต่ฉันไม่ใช่นางเอกในเรื่องและฉันก็ไม่กล้าพอที่จะบอกความรู้สึกของฉันกับเขา ฉันเจออินสตาแกรมของเขาและฉันเอาแต่จ้องมองรูปของเขาโดยไม่ได้ทักอะไรเขาเลย โอ้ พระเจ้า ชีวิตของเขาช่างสวยงามจริง ๆ เขามีภาพมากมายจากสถานที่เจ๋ง ๆ ที่เขาไปมาแล้วทั่วโลก เขามีรถสุดเท่ โอ้ บางทีวันหนึ่งเขาอาจจะพาฉันขับรถเที่ยวก็ได้...ใช่ เห็นได้ชัดเลย ว่าฉันคลั่งเขาเอามาก ๆ
แต่แล้ววันหนึ่ง ในที่สุดฉันก็รวบรวมความกล้าและเข้าไปคุยกับเขา ฉันกำลังเดินกลับบ้าน แล้วฉันก็เห็นเขากำลังออกมาจากที่นั่น เขาดูหงุดหงิดอะไรสักอย่าง แล้วเขาก็เดินผ่านฉันไป ฉันรู้สึกสับสน แต่แม่ของฉันอธิบายกับฉันว่า เธอจะไม่ติวให้เขาอีกต่อไปและนี่เป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะมาที่บ้านของเรา ในตอนนั้นฉันจำได้ว่า ฉันอาจจะเห็นเขาเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิตนี้ แต่ไม่อยากจะพลาดโอกาสของฉันกับเขา! ฉันเลยรวบรวมความกล้าและตัดสินใจว่าวันนี้ฉันต้องจบเรื่องนี้ให้ได้ ฉันเลยวิ่งออกไปจากบ้านและพยายามที่จะตามเขาให้ทัน โชคดีที่เขาไปได้ไม่ไกลนัก ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าฉันดูโง่แค่ไหนในสายตาเขาเด็กสาวที่หอบเหนื่อยพยายามที่จะชวนเขาไปดื่มกาแฟด้วยกัน....นี่มันแย่มาก แต่จอร์จคิดอยู่พักหนึ่ง แล้วเขาก็ยิ้มออกมา และบอกว่า “ได้สิ !” ว้าว! เขาพูดแค่ไม่กี่คำก็ทำฉันลอยขึ้นสวรรค์ไปเลย
--- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/supportSat, 24 Jul 2021 - 10min - 139 - EP139 : พ่อแม่ของฉันให้ฉันกินขยะจากถังขยะ
สวัสดี ฉันชื่อโอฟีเลีย ฉันอายุ 15 ปีและอาศัยอยู่ที่นิวยอร์ก เรื่องราวที่คุณกำลังจะได้ยินอาจดูแปลก ๆ และน่าขยะแขยงนิดหน่อย แต่ฉันแน่ใจว่าพวกคุณบางคนจะเข้าใจสิ่งที่ฉันได้ประสบ เรื่องของเรื่องคือ พ่อแม่ของฉันให้พวกเรากินของที่อยู่ในถังขยะ อาหารส่วนใหญ่ที่เรากินและสิ่งที่เราใช้ในชีวิตประจำวันมาจากที่ทิ้งขยะ ใช่ คุณเข้าใจถูกแล้ว เราใช้ของที่ถูกทิ้งและเรา..ก็กินมันด้วย ฉันคงจะพูดข้ามไปหน่อย แต่มันเป็นใจความหลัก และเรื่องนี้ดำเนินมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว
พวกเราไม่ใช่คนไร้บ้านหรืออะไรทำนองนั้นหรอกนะ เราไม่ได้จนด้วยซ้ำ แต่เราก็ไม่ได้รวย เราอาศัยอยู่ในอพาร์ตเมนต์ในบรู๊คลินและที่ฉันพูดว่า “เรา” ฉันหมายถึงพ่อแม่ของฉัน จีน่ากับไมค์ เดเรค น้องชายของฉันและฉัน และเพื่อให้คุณเข้าใจเรื่องนี้ ฉันต้องเล่าให้คุณฟังเกี่ยวกับพ่อแม่ของฉันก่อน พวกเขาทั้งสองเป็นศิลปินที่ทำตั้งแต่วาดภาพไปจนถึงศิลปะการแสดง บางครั้งพวกเขาก็จะเปิดการแสดงเพื่อเงิน แต่โดยทั่วไปชีวิตของพวกเขาวนเวียนอยู่กับศิลปะเป็นส่วนใหญ่ แม่เติบโตในครอบครัวนิวยอร์กที่รวยมากและสามารถซื้อทุกอย่างได้ แต่น่าเสียดายที่นั่นแหละสิ่งที่ทำให้แม่เป็นแม่ในตอนนี้ พ่อแม่ยังกระตือรือร้นทั้งในทางสังคมและการเมือง ฉันยังจำได้ว่าได้ไปชุมนุมและประท้วงกับทั้งพวกเขาตั้งแต่ฉันยังเป็นเด็กน้อย และฉันบอกได้เลยว่าพ่อแม่จริงจังในการทำให้โลกของเราดีขึ้นไม่ว่าจะต้องทำอะไรก็ตาม กิจกรรมที่สำคัญมากของพวกเขาคือฟรีแกน
ส่วนใหญ่พ่อแม่จะออกไปหาอาหารด้วยตัวเองและมีแค่ไม่กี่ครั้งที่พวกเราจะต้องออกไปด้วย แค่จะพูดให้เข้าใจนะ ในแง่อื่นเราก็เป็นครอบครัวธรรมดาทั่วไป เราอยู่ในอพาร์ตเมนต์ที่พ่อแม่ของแม่ทิ้งไว้ให้ ฉันไปโรงเรียนธรรมดาและฉันก็ได้เงินค่าขนมด้วย ที่โรงเรียนเป็นที่ที่เรื่องราวทั้งหมดเกิดขึ้น ฉันมีเพื่อนร่วมชั้นชื่อบิลและเขานิสัยแย่มาก ๆ เขาอยู่ห่างออกไปไม่กี่บล็อกจากเรา แต่โชคดีที่ครอบครัวของเรายังไม่เคยเจอกัน วันหนึ่งเขามาที่โรงเรียนและบอกทุกคนว่าเขาเห็นพ่อแม่ของฉันที่ที่ทิ้งขยะใกล้บ้านของเขาและอย่างที่คุณก็รู้ มันคงเป็นเรื่องจริง แต่แหงล่ะ ฉันอายและปฏิเสธทุกอย่างและเริ่มพูดว่าเขาน่าจะจำผิด อะไรทำนองนั้นแหละ แต่มันก็ไม่ได้หยุดเขา เป็นเวลาสามสี่สัปดาห์ที่ฉันได้ยินเรื่องตลกว่าครอบครัวของฉันใช้ชีวิตอยู่ได้ด้วยของจากที่ทิ้งขยะ และเมื่อผ่านไปหนึ่งเดือน เรื่องที่ทิ้งขยะทั้งหมดก็ถูกลืมไปและทุกอย่างกลับไปเป็นปกติอีกครั้ง จนกระทั่งวันนี้
--- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/supportFri, 23 Jul 2021 - 07min - 138 - EP138 : พ่อแม่ของผมเป็นคนรวยมากแต่ผมกลับอยู่อย่างลำบาก
สวัสดีผมชื่ออเล็กซ์ เพื่อนๆของผมทุกคนบอกผมว่า ผมควรจะมาแชร์เรื่องราวของผมให้โลกรู้ ผมตัดสินใจอยู่พักหนึ่งและตอนนี้ผมก็มาอยู่ตรงนี้แล้ว เอาล่ะเริ่มกันเลย พ่อแม่ของผมเป็นคนที่ร่ำรวยมาก แต่ผมไม่ได้พยายามคุยโอ้อวดคุณหรอกนะ เพราะผมไม่ได้ทำตัวเหมือนลูกคุณหนูหรืออะไรเลย และผมก็ไม่ได้เป็นเด็กที่ร่ำรวยด้วย ใช่คุณฟังไม่ผิดหรอก แม้ว่าพ่อและแม่ของผมจะรวยมหาศาล แต่ผมกลับเป็นเด็กที่ยากจนสุดๆ ผมอาศัยอยู่ในบ้านหลังเล็กๆที่ตั้งอยู่ข้างๆคฤหาสน์ของพ่อและแม่ ผมได้เงินค่าขนมเพียงเล็กน้อยจากพวกเขาเท่านั้น โอเค ผมว่าผมควรต้องอธิบายอะไรบางอย่างก่อน
--- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/supportThu, 22 Jul 2021 - 09min - 137 - EP137 : ผมให้แม่เลือกระหว่างผมหรือพ่อเลี้ยง แม่เลือกพ่อเลี้ยง!
ผมรู้ว่า ผมเป็นแค่ภาระของแม่ ตั้งแต่ที่พ่อทิ้งเราไป แม่ก็สิ้นหวังและไม่มีความสุข ผมเป็นเพียงแค่เครื่องเตือนความจำถึงความผิดพลาดในอดีต ยิ่งไปกว่านั้นแม่ก็คบกับใครไม่ได้ เพราะไม่มีผู้ชายคนไหนอยากคบกับผู้หญิงที่มีลูกแล้ว แม่ไปออกเดทบ่อย ๆ และพยายามสร้างความสัมพันธ์ แต่เมื่อแม่บอกกับคนที่เดทด้วยเรื่องผม แฟนของแม่ก็หายตัวไปในทันที ยิ่งทำให้แม่ผิดหวังหนักกว่าเดิม เพราะงั้นลองคิดดูว่า แม่จะดีใจขนาดไหนเมื่อแม่ได้คบกับผู้ชายที่พร้อมจะคบกับแม่อย่างจริงจังและไม่กลัวในที่ต้องรับผิดชอบเกี่ยวกับเรื่องลูก หมายถึงผมน่ะ ในตอนแรกเขามาที่บ้านบางครั้งเพื่อกินข้าวเย็นและเขาก็ดูเหมือนผู้ชายธรรมดา เขาชื่อเกร็ก เขาเป็นทหารและเขามีคุณสมบัติทุกอย่างของการเป็นทหาร เขาเสียงดังหนักแน่น ตรงต่อเวลามากและเขาชอบความเป็นระเบียบวินัย แม่รักเกร็กมากและบอกว่าผมจะได้เรียนรู้อะไรมากมายจากเขา อืม เจอเขานานๆ ทีมันก็พอไหวแต่มันเป็นอีกเรื่องเลยกับการต้องอยู่ร่วมชายคาเดียวกันและคุณหนีจากการควบคุมของเขาไม่ได้
--- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/supportWed, 21 Jul 2021 - 08min - 136 - EP136 : ฉันทำพลาดครั้งเดียวและครอบครัวของฉันก็โยนฉันออกจากชีวิตของพวกเขา
สวัสดี ทุกคน! ฉันชื่อไรลีย์ และฉันมีความรู้สึกผิดอยู่ในใจมากมาย ฉันคิดว่าถ้าฉันแชร์เรื่องราวของฉันมันจะช่วยทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้นสักหน่อย เหตุการณ์ที่แย่ที่สุดส่วนใหญ่มักจะเกิดขึ้นจากอุบัติเหตุ อุบัติเหตุโง่ ๆ แต่ฉันไม่คิดมาก่อนเลยว่าการทำอะไรไม่คิดของฉันตอนวัยรุ่นจะทำลายครอบครัวของฉันไปตลอดกาล
ฉันคงไม่กล้าพูดว่าครอบครัวของฉันเป็นครอบครัวที่ดีพร้อมแต่แรก พ่อมักจะใช้คำพูดหยาบคายและใจแคบมาก ๆ พ่อทำงานในอู่ซ่อมรถมาทั้งชีวิตและมันก็เห็นได้ชัดว่ามันแทบไม่พอเลี้ยงครอบครัวซึ่งเป็นเหตุผลที่พ่อกับแม่มันจะเถียงและทะเลาะกันเป็นประจำ ฮันเตอร์ พี่ชายของฉัน ต้องเรียนไปด้วยและช่วยพ่อทำงานที่อู่ซ่อมรถไปด้วย แต่พี่ไม่เคยบ่น ส่วนกิจวัตรประจำวันของฉันคืองานบ้านที่ไม่เคยจบสิ้น พวกเราพยายามทำให้ดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้แต่แม่ของฉันไม่เคยพอใจเลย ฉันคิดว่าแม่ฝันถึงชีวิตที่ดีกว่าที่เป็นอยู่ตลอดเวลา แต่ยังไงก็ตามถึงแม้ว่าจะเป็นอย่างที่ว่ามาแต่เราก็ยังคงเป็นครอบครัว แล้วบางอย่างก็เกิดขึ้น พ่อออกไปนอกเมืองสองสามวันเพราะต้องไปเอาอุปกรณ์และเครื่องมือใหม่อะไรทำนองนั้น พ่อตื่นเต้นมาก! บอกซ้ำแล้วซ้ำอีกว่าพ่อได้ออเดอร์ใหญ่ที่จะทำเงินได้เยอะ หุ้นส่วนของพ่อมีรถบรรทุก ดังนั้นมันเป็นเพียงหนึ่งในไม่กี่ครั้งที่พ่อไม่ได้ใช้รถสุดรักของพ่อ และจะบอกให้นะ มันเป็นของที่แพงที่สุดอย่างเดียวที่ครอบครัวเรามี ฮันเตอร์กับฉันต้องถูกฆ่าแน่ถ้าเอามันไปขับ! และตอนนี้เราก็มีโอกาสแล้ว! ฉันขอร้องพี่ชายให้เอารถออกมาขับแค่แป๊ปเดียวก็ยังดี! มันล่อใจมาก แต่ฮันเตอร์ยืนยันว่ามันเสี่ยงเกินไป เพราะงั้นเราเลยตกลงกันว่าเราจะไม่แตะต้องรถไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม แต่ก็อย่างที่คุณก็คงเดาไว้แล้ว ฉันทำผิดสัญญา
ตอนกลางดึก ฉันส่งข้อความหาเพื่อนและบอกว่าเราควรไปหาอะไรสนุก ๆ ทำกันและฉันก็แทบไม่ต้องเสียเวลาเกลี้ยกล่อมเพื่อน ๆ เลย ฉันวางแผนไว้หมดแล้ว ฮันเตอร์ไปหาแฟนและแม่ก็หลับสนิทอยู่ในห้องนอน ฉันขโมยกุญแจรถและเพื่อน ๆ กับฉันก็แอบออกไปที่สวน พวกเราอย่างกับนินจาแน่ะ! เมื่อเราขับรถออกไปไกลพอเราก็ขับเร็วขึ้นเรื่อย ๆ ฉันรู้สึกอิสระเหมือนนกแล้วก็ ตูม! รถชนขับกับอะไรสักอย่างในความมืดและเราก็เสียการควบคุม ในที่สุดพอเราหยุดรถได้และได้พักหายใจหายคอ เราก็เห็นว่ารถเสียหายหนักมาก!
--- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/supportTue, 20 Jul 2021 - 08min - 135 - EP135 : น้องสาวสุดเนิร์ดหักหลังฉันเพื่อแย่งแฟนของฉัน
ฉันมีแฟนที่คอยช่วยเหลือฉันเกี่ยวกับเรื่องเรียน และตอนนี้ ทั้งน้องสาวและแฟนของฉันบอกว่า ฉันแค่อยากจะใช้เขาเพื่อทำการบ้านให้และคอยช่วยให้ฉันโกงตอนสอบ ซึ่งส่วนหนึ่งก็เป็นแบบนั้นจริง น้องสาวของฉันชื่อ ลอรี่ เธออายุน้อยกว่าฉัน 1 ปี และเป็นคนที่เรียนหนังสือทั้งวันทั้งคืน ซึ่งเธอก็มีความตั้งใจดี อีกทั้งยังรู้ตัวเองแล้วด้วยว่าอยากทำงานด้านเภสัชกรรมและช่วยหาวิธีรักษาโรคมะเร็ง ในโรงเรียน เธอได้เกรดดีมากๆ ซึ่งต่างจากฉัน เพราะฉันไม่ชอบเรียนเลย เหตุผลก็คือ ฉันไม่มีความจำเป็นต้องใช้ค-ณิ-ต และ เค-มี ฉันอยากเป็นนางแบบ จึงชอบที่จะใช้เวลาออกกำลังกาย หรือเรียนรู้เกี่ยวกับความสวยความงามต่างๆ มากกว่าที่จะเข้าแล็ปและทำข้อสอบ แต่ฉันก้ตระหนักได้ว่าตัวเองก็ต้องสอบให้ผ่านเหมือนกัน อย่างน้อยก็ทำให้พ่อแม่มีความสุข
--- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/supportMon, 19 Jul 2021 - 09min - 134 - EP134 : รอยสักใหม่ของฉันทำให้ฉันกลายเป็นเด็กกำพร้า
สวัสดียามบ่ายนะ! ฉันชื่อมาร์ช่า ฉันอายุ 14 ขวบและฉันก็มีความผิดโทษฐานที่ฉันเป็นเด็กวัยรุ่นเกเร ฉันเคยคิดว่าคุณย่าของฉันไม่ได้รักฉันสักเท่าไหร่ ซึ่งฉันก็ไม่ได้รักเธอกลับ แต่ในตอนนี้เธอเสียไปแล้วฉันก็พบว่าน่าเศร้าที่ฉันคิดผิดไปเองและฉันก็รู้สึกอยากจะเล่าเรื่องนี้ให้ใครสักคนฟัง ทุกอย่างเริ่มประมาณเกือบสองปีที่แล้ว ในตอนที่พ่อกับแม่หย่ากัน เป็นแม่ของฉันเองที่ขนของหนีจากพ่อไปอยู่กับผู้ชายคนอื่น ซึ่งก็ชัดเจนว่าแม่ไม่ได้วางแผนจะพาฉันไปด้วยเลย เพราะว่าฉันต้องอยู่กับพ่อ แล้วพ่อก็เป็นคนชอบทำงานมากกว่าชอบที่จะมาเป็นพ่อคน ฉันก็เลยต้องย้ายไปอยู่กับแม่ของเขา คุณย่าแอน
เธอเป็นคนขี้โมโหง่ายอยู่แล้ว พวกเราก็เข้ากันไม่ได้เหมือนน้ำมันกับน้ำ ยกตัวอย่างนะ เวลาที่ฉันอยากจะไปหาเพื่อนของฉัน ย่าก็มักจะหางานบ้านให้ฉันทำแทน แล้วถ้าฉันตัดสินใจไม่ทำมันในตอนนั้น ย่าก็จะกักบริเวณฉันโดยการปิดสัญญาณอินเทอร์เน็ตไม่ให้ฉันใช้ และมีอยู่ครั้งหนึ่งนะ ย่าตีฉันที่ข้อมือเพราะเธอบอกว่า ฉันมีท่าทางที่แปลกประหลาดเวลากำลังล้างจาน รอยแดงพวกนี้ที่ย่าทำมันอยู่นานถึงสามวันเลยทีเดียว แน่นอน ฉันบ่นเรื่องของย่าให้พ่อฟัง แต่เขาก็ไม่ได้แคร์ฉันเท่าไหร่เลย แต่ก็มีช่วงเวลาหนึ่ง… ที่เป็นจุดเปลี่ยนในความสัมพันธ์ของพวกเรา ให้ตายเถอะ ในตอนนี้มันช่างพูดยากเหลือเกิน ฉันรู้ว่าคุณย่าแอนรู้สึกหงุดหงิดทุกครั้งที่เห็นตัวประหลาด อย่างผู้ชายที่ทำผมทรงโมฮอว์ก หรือผู้หญิงที่เจาะใบหน้า ก็เลยมีวันหนึ่งหลังจากที่เธอเทศนาสอนฉันเรื่องที่ฉันควรจะทำตัวให้ดีขึ้น ฉันก็ตัดสินใจที่จะเอาคืนซะบ้าง
ฉันตัดผมฉันออกหมดเลยและย้อมเป็นสีชมพู ซึ่งฉันรู้ว่าจะทำให้คุณย่าแอนโมโหสุด ๆ แน่นอน คุณต้องเห็นตอนที่เธอเห็นฉันกลับบ้านมากับลุคใหม่ของฉัน ขณะที่เธอกำลังมีเพื่อน ๆ เป็นแขกมาที่บ้าน เธอไม่สามารถตะโกนว่าฉันหรือทำอะไรต่อหน้าคนอื่นได้ แต่เธอมองฉันด้วยสายตาที่บ่งบอกถึงความโกรธและความผิดหวังที่เธอมีต่อฉันในเวลานั้น ฉันรู้ว่าฉันจะต้องถูกลงโทษและกักบริเวณอย่างหนัก แต่มันก็เป็นความเสียสละที่คุ้มค่า ย่าจะต้องอับอายต่อหน้าคนอื่นที่มีหลานสาวเป็นตัวประหลาดฉันคิดว่านะ
--- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/supportSun, 18 Jul 2021 - 07min - 133 - EP133 : พ่อพาผู้หญิงคนใหม่มาที่บ้าน ในขณะแม่ป่วยอยู่ที่โรงพยาบาล
สวัสดีทุกคน ฉันชื่อเอ็มม่านะ และฉันอายุ 16 ขวบ ไม่นานมานี้พวกเราเพิ่งเสียบ้านไปเพราะว่าพ่อของฉัน และฉันกับน้องชายก็ต้องมีสภาพความเป็นอยู่ที่ย่ำแย่มากเลย แต่แล้วฉันก็ทำในสิ่งที่ไม่ค่อยดีนัก ที่ทำให้พวกเราได้กลับมามีชีวิตที่ปกติอีกครั้งหนึ่ง ซึ่งฉันก็ไม่ได้เสียใจอะไรเลย
ครอบครัวเรามักจะมีปัญหาอยู่ตลอดเวลาเพราะว่างานอดิเรกของพ่อ เขามักจะเล่นโป๊กเกอร์ ซึ่งเขาก็จะกลับบ้านมาดึก ๆ และบอกข่าวร้าย ว่าเขาเสียเงินไปบ่อยครั้งมาก หลังจากนั้นเขาก็จะทะเลาะกับแม่ แล้วเขาก็จะหยุดเล่นไปสักพักหนึ่ง แต่แล้วเขาก็กลับไปเล่นอีกแบบนี้เรื่อย ๆ ในตอนนี้มันคงไม่ใช่แค่งานอดิเรกแล้ว แต่มันคือการเสพติด แต่ไม่มีใครโน้มน้าวใจพ่อได้เลย ไม่ใช่ฉัน ไม่ใช่แม่ รวมถึงไม่ใช่น้องชายที่อายุได้เพียง 5 ขวบซึ่งต้องการความอบอุ่น พ่อของฉันไม่กังวลในเรื่องนี้เลยสักนิดเดียว
พวกเราไม่ได้มีเงินมากนักในตอนนี้ แม่ของฉันต้องทำงานหนักมาก ตั้งแต่อายุ 16 ฉันต้องทำงานพาร์ทไทม์เพื่อที่จะให้ตัวเองได้มีเงินค่าขนมใช้ และก็พยายามช่วยครอบครัวอีกด้วย ถ้าให้พูดละก็ ฉันใช้ช่วงเวลาไฮสคูลที่ควรจะแสนสนุกไปกับการไม่ปาร์ตี้กับใครเลย ไม่ออกไปไหนกับแฟนหนุ่ม แต่ต้องทำงาน และฉันก็ต้องบอกเลยนะว่า มันก็มีช่วงเวลาที่ดี ๆ อยู่เหมือนกันแหละ เพราะว่า “ความชอบ” ของพ่อ เขาเลยเป็นคนที่เก่งตัวเลขและเรื่องทฤษฎีความน่าจะเป็นมาก นั่นทำให้ฉันได้เกรดเอวิชาคณิตตลอดเลยเพราะบางครั้งเขาก็จะมาสอนวิชานี้ให้กับฉัน นอกจากนั้นแล้ว เขายังสอนให้ฉันเข้าใจอารมณ์ของคนอื่นด้วยนะ นี้เป็นความสามารถที่ไม่ได้เหมาะแค่กับการเล่นโป๊กเกอร์เท่านั้น ฉันเข้าใจทุกครั้งเลยเวลาที่เพื่อนร่วมห้องของฉันโกหกหรือซ่อนอะไรบางอย่าง นี่ก็คือชีวิตของพวกเรายังไงละ มันก็เป็นเพียงความสุขเล็ก ๆ ในเกมของพ่อฉัน
--- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/supportSat, 17 Jul 2021 - 12min - 132 - EP132 : ฉันวางแผนให้เพื่อนสนิทต้องเลิกกับแฟน!
สวัสดีทุกคน! ฉันชื่อริต้า ฉันอายุ 16 ปี ฉันตกหลุมรักเพื่อนสนิทของตัวเอง และหากคุณคิดว่าไม่เห็นมีอะไรพิเศษเลยเพราะมันเป็นเรื่องที่เกิดตอนไหนก็ได้ บอกได้เลยว่า ฟังฉันเล่าถึงวิธีที่ฉันทำลายความสัมพันธ์ของเขากับผู้หญิงคนอื่น และปฏิเสธรักของเขาในตอนแรกก่อน และนี่คือเรื่องราวการทำตัวไม่ดีของฉัน ตอนที่ฉันอายุ 13 ครอบครัวตัดสินใจย้ายมาอยู่ที่อเมริกา สำหรับฉัน มันเป็นเรื่องยากมากในการที่ต้องอาศัยอยู่ที่นี่ คุณก็รู้ ผู้คนที่ต่างออกไป โรงเรียนใหม่ ทุกๆ อย่างเลย ฉันไม่รู้ว่าทำไม แต่รู้สึกว่าตัวเองหาเพื่อนได้ยาก แม้จะใช้เวลานานมากๆ แล้วก็ตาม การอยู่คนเดียวมันช่างเป็นอะไรที่ลำบากสุดๆ เลยล่ะ
--- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/supportFri, 16 Jul 2021 - 07min - 131 - EP131 : ถึงพ่อแม่จะไม่ร่ำรวย แต่ฉันก็ได้ของขวัญคริสต์มาสที่ดีที่สุด
สวัสดีฉันชื่อทิมมี่ สุขสันต์วันคริสต์มาสนะทุกคน วันคริสต์มาสเป็นช่วงเวลาที่ทุกคนหวังที่จะเจอปาฏิหาริย์ใต้ต้นคริสต์มาส แต่ปาฏิหาริย์นั้นคืออะไร? อุปกรณ์ใหม่? จักรยาน? หรือเป็นอะไรที่สร้างสรรค์กว่านั้น? สำหรับฉัน ฉันรู้แน่ๆ อยู่แล้วว่าคำตอบคืออะไร เพราะว่าปาฏิหาริย์คริสต์มาสนั้นเคยเกิดขึ้นตอนที่ฉันอายุ 12 น่ะสิ
ฉันมาจากครอบครัวแสนสุขที่มีสมาชิก 4 คน ได้แก่ แม่ พ่อ ฉันและน้องชาย พวกเราเป็นชนชั้นกลางธรรมดาๆ ไม่ได้รวยมาก แต่พ่อแม่มักจะทำอะไรให้เราเสมอ พวกเราได้รับของขวัญเล็กๆ น้อยๆ จากพวกท่านเสมอ แม้ในวันทั่วไปโดยไม่มีเหตุผล เพราะว่าพวกท่านอยากเห็นเรามีความสุข แต่วันคริสต์มาส... วันคริสต์มาสเป็นวันที่พิเศษสุดๆ พ่อกับแม่ใช้เวลาหลายอาทิตย์ในการหาของขวัญที่สมบูรณ์แบบให้ฉันและน้องชาย และดูเหมือนว่าไม่มีวันพอสำหรับพวกท่าน! พวกเราได้รับกล่องหลากสีทั้งขนาดใหญ่และเล็กทุกปี และเมื่อพวกเราแกะของขวัญมากมายในวันคริสต์มาส ก็พบกับของเล่น, อุปกรณ์ต่างๆ และของที่ทำให้เด็กๆ มีความสุข คุณคงเคยได้ยินคำพูดที่ว่า การให้ทำให้มีความสุขยิ่งกว่าการรับใช่ไหม? ไม่จริงเลย! ฉันคิดเสมอว่าการหาของขวัญที่ดีให้ใครสักคนเป็นภารกิจที่น่ารำคาญ คุณต้องใช้เวลาหลายวันในการหาแถมยังบอกไม่ได้อีกว่าคนๆ นั้นจะดีใจที่ได้รับหรือแค่ทำเป็นชอบเพื่อทำให้เราดีใจ ดังนั้น สำหรับฉัน วันคริสต์มาสคือการได้รับของขวัญล่ะ อย่างไรก็ตาม ในปีที่ฉันอายุ 12 นั้นเป็นอะไรที่แตกต่างจากที่ผ่านมาอยู่หน่อยๆ พ่อของฉันตกงาน ครอบครัวของฉันต้องเผชิญหน้ากับช่วงวิกฤตทางการเงิน พวกเราต้องย้ายไปอยู่บ้านที่เล็กลง เพราะเราจ่ายเงินเช่าบ้านหลังเก่าไม่ไหว ส่วนแม่ก็ต้องหางานเสริมอีกต่างหาก
ทั้งฉันและน้องชายยังเป็นเด็ก แต่เรารับรู้ได้ว่าช่วงเวลายากลำบากกำลังมา พ่อแม่เริ่มสอนให้เรามีเหตุผลและสอนให้ประหยัด แต่พวกเราไม่สนใจ พ่อแม่ยังคงจัดการทุกอย่างเหมือนปกติดีและเราไม่รู้สึกว่าจะมีอะไรแย่ๆ เกิดขึ้นเลย ตอนนี้ ฉันรู้แล้วว่าช่วงเวลาลำบากคือตอนที่พ่อแม่มีหนี้ก้อนโตและพ่อต้องใช้เงินอย่างระมัดระวังทุกสตางค์ แต่ฉันกลับคิดว่ามันเป็นปัญหาเล็กๆ และไม่นานทุกอย่างก็กลับสู่ปกติ นี่จึงเป็นเหตุผลที่ฉันตั้งหน้าตั้งตารอคริสต์มาสและของขวัญมากมาย!
--- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/supportThu, 15 Jul 2021 - 05min - 130 - EP130 : พี่สาวของฉันสร้างสถานการณ์เพื่อปิดบังว่าเธอตั้งครรภ์
พี่ชายของฉันนะ เอ็นดูฉันตั้งแต่วินาทีแรกที่ฉันเกิดมา. แต่เขาไม่อาจหาจุดที่เข้ากับเรเชลได้ แทบไม่มีวันไหนเลยที่พวกเขาจะไม่ตะโกนใส่และทะเลาะกันด้วยเรื่องอะไรสักอย่าง ในเมื่อคลาร์กเป็นลูกคนโตสุด พ่อแม่ของเราเลยคิดว่าเขาควรมีความรับผิดชอบและทำตัวเป็นผู้ใหญ่ให้มากกว่านี้ นอกจากนี้เรเชลยังมีหมัดเด็ดที่ทำเป็นว่าเขาทำร้ายเธอด้วย เธอสามารถร้องห่มร้องไห้น้ำตาไหลได้เหมือนดาราฮอลลีวู้ดเลยล่ะ ดังนั้น เหมือนทุกที คลาร์กก็จะถูกลงโทษเวลาที่พวกเขาทะเลาะกัน ไม่ว่าด้วยเรื่องใด
--- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/supportWed, 14 Jul 2021 - 09min - 129 - EP129 : ฉันบอกน้องชายว่าเขาเป็นเด็กที่ถูกรับมาเลี้ยงเพื่อแกล้งเขาแต่นั่นเป็นเรื่องจริง!
สวัสดี. ฉันคือเอ็มม่า ฉันมีคำถามหนึ่งจะมาถามพวกคุณ คุณเชื่อเรื่องการโกหกที่หวังดีไหม? เรื่องก็คือ ไม่นานนี้ฉันเพิ่งทำเรื่องยุ่ง ดังนั้นตอนนี้ฉันเลยต้องโกหกน้องชายฉัน และไม่แน่ใจเลยว่าฉันทำทุกอย่างถูกต้องหรือเปล่า บางทีพวกคุณอาจบอกฉันได้นะว่าฉันต้องทำอะไร เมื่อฉันอายุ 5 ขวบ ครอบครัวของฉันประสบกับเหตุการณ์เลวร้ายที่สุดเท่าที่จะเกิดขึ้นได้กับใครสักคนบนโลก เราสูญเสียแอนโธนี่น้องชายของฉันไป ฉันไม่อาจพูดได้ว่า จำรายละเอียดทุกอย่างได้หมด - บางทีอาจเพราะ อย่างที่คนเขาพูดกันน่ะ ความทรงจำของเด็กๆ จะลบเรื่องแย่ๆ และทุกสิ่งออกไป
--- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/supportTue, 13 Jul 2021 - 11min - 128 - EP128 : ฉันหลอกเพื่อนว่าฉันเป็นมะเร็งเพื่อเรียกร้องความสนใจ
ตั้งแต่แรกจนกระทั่งไม่นานมานี้ ฉันมีกลุ่ม 3 คน ซึ่งประกอบไปด้วยตัวฉันเองและเพื่อนสนิท โซฟี่ และลีโอ พวกเราเป็นเพื่อนกันตั้งแต่อนุบาล ซึ่งฉันคิดว่าพวกเราจะเป็นเพื่อนกันตลอดชีวิต แต่เมื่อต้นปีนี้ โซฟี่และลีโอรู้ตัวว่าพวกเขารักกันมากกว่าเพื่อน และตัดสินใจคบกัน แล้วรู้ไหมเกิดอะไรขึ้น? พวกเขาทั้งสองมีความสุขดี ในขณะที่ฉันรู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนเกิน
--- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/supportMon, 12 Jul 2021 - 09min - 127 - EP127 : แฟนสาวทำให้ผมเป็นสาเหตุให้งานของพ่อย่ำแย่
ผมมีเพื่อนชื่อว่า เจนิส เธอเป็นเพื่อนที่วิทยาลัยที่ฉลาดมากๆคนหนึ่ง เธอเป็นนักศึกษาที่เก่งที่สุดของระดับชั้น นอกจากนี้ เธอยังสามารถแบ่งเวลาไปทำงานเป็นเด็กฝึกงานของบริษัทดีๆ ได้อีกด้วย โอ้ ผมลืมบอกไป เธอสวยสุดๆ และไม่เหมือนคนเนิร์ดเลยด้วยซ้ำ แน่นอน ผู้ชายในชั้นเรียนต่างก็ตกหลุมรักเธอ และผมก็ด้วย แต่มันเป็นเรื่องน่าเศร้าเพราะไม่มีโอกาสที่ผมจะอยู่ในสายตาเธอ ผมไม่ใช่คนที่โดดเด่น ก็นะ ผู้หญิงแบบเธอคงไม่มองมาที่ผมหรอก ผมเป็นแค่ผู้ชายโรแมนติกธรรมดาคนหนึ่ง แล้วก็เป็นได้แค่เพื่อนด้วย คิดไม่ออกเลยว่าจะพัฒนาความสัมพันธ์อย่างไร
--- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/supportSun, 11 Jul 2021 - 08min - 126 - EP126 : แม่และฉันทะเลาะกันเพราะแย่งผู้ชาย อนาถจริง!
ฉันกลับมาบ้านหลังเลิกเรียน และพบคุณยายกับนักเรียนคนใหม่ที่กำลังเรียนอยู่ในห้องนั่งเล่น ฉันถึงกับแปลกใจกับนักเรียนคนนี้ – เขาเป็นผู้ชายตัวสูงและหล่อเหลาเอามากๆ โอพระเจ้า เขาสมบูรณ์แบบไปเลย สำหรับฉัน นั่นเป็นครั้งแรกจริงๆ ที่ฉันเกิดต้องตาใครสักคน – ซึ่งอาจเป็นรักแรก หรือคุณจะเรียกว่าไงก็ตามแต่ แต่ฉันรู้ว่าฉันไม่อาจหยุดคิดถึงเขาได้ คุณยายบอกฉันอย่างสุภาพว่าขอให้ฉันขึ้นไปชั้นบน แต่ฉันก็ยังจับประกายความสนใจในตาของเขาก่อนที่ฉันจะเดินออกจากห้องได้
--- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/supportSat, 10 Jul 2021 - 11min - 125 - EP125 : ผมพยายามเผาคนกลุ่มหนึ่งเพื่อสร้างความประทับใจให้ผู้หญิง
สวัสดี ผมชื่อทิม เรื่องราวนี้มันเกี่ยวกับการที่ผมต้องการสร้างความประทับใจให้กับผู้หญิงคนหนึ่ง จนผมเกือบจะเผาบ้านที่กำลังมีคนอยู่ในนั้น ผมไม่ได้ตั้งใจ และไม่อยากจะเชื่อว่ามันจะเกิดขึ้นแบบนั้น และทุกอย่างของเรื่องนี้เริ่มต้นด้วยการโกหก ก่อนหน้านี้ ผมตกหลุมรักผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งเธอเป็นรุ่นพี่ผมหนี่งปีที่โรงเรียน เธอชื่อโอลิเวีย และผมพยายามหาทางเข้าไปคุยกับเธอมานานหลายสัปดาห์แล้ว ผมคอยอยู่ใกล้ๆเธอเสมอในช่วงพักกลางวัน โดยหวังว่าจะมีโอกาสให้เราได้เริ่มพูดคุยกันบ้าง แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่มีอะไรคืบหน้า และผมก็อายเกินกว่าที่จะเข้าไปคุยกับเธอตรงๆ
--- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/supportThu, 22 Apr 2021 - 06min - 124 - EP124 : แม่บอกเสมอว่าพ่อเป็นคนไม่ดี ฉันได้พบเขาและค้นพบความจริง
เราไม่รู้จักพ่อของเราเลย ในครอบครัวของเรามีอะไรสักอย่างที่เรียกกันว่า คำสาปของครอบครัว เกือบ 80 ปีมานี้ ผู้หญิงทุกคนในครอบครัวของเราต้องใช้ชีวิตโดยไม่มีผู้ชายในบ้าน คุณตาทวดของเราเสียชีวิตในสงคราม และยายของฉันก็เติบโตมาโดยปราศจากพ่อ จากนั้นสามีก็ทิ้งเธอไป และเธอต้องเลี้ยงแม่ของเราตามลำพัง และพ่อของเราก็ทิ้งเราไปในตอนที่ฉันเกิด และลีอาอายุได้สามขวบ แม่ของเราบอกว่า พ่อไม่ต้องการลูกคนที่สอง ดังนั้นเมื่อแม่ท้องฉัน เขาจึงจากไป และนั่นก็คือทั้งหมดที่เรารู้เกี่ยวกับพ่อ
--- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/supportThu, 15 Apr 2021 - 08min - 123 - EP123 : ผมเป็นฮีโร่ แต่ไม่มีใครเชื่อผมเลย
ไง พวกคุณ ผมชื่อนิค ผมคิดว่าผมมีเรื่องราวมากมายที่จะเล่า ในเมื่อผมมักเจอกับปัญหายุ่งยากอยู่เสมอ ส่วนใหญ่ปัญหาเหล่านั้นไม่มีแก่นสารอะไรและโง่เง่าเอามาก ๆ บางครั้งยังตลกด้วยซ้ำ แต่เรื่องหนึ่งที่ผมกำลังจะบอกคุณ คือจุดที่ทุกอย่างเป็นไปอย่างเลวร้ายมาก ๆ บางครั้งคุณอาจบอกก็ได้ว่าผมสมควรโดนแล้ว แต่ถ้าเป็นแบบนั้น ผมไม่สนหรอกนะว่าคุณจะคิดยังไง แล้วนี่ก็คือเรื่องราวที่เกิดขึ้น
ผมบอกคุณได้เลยว่า ผมไม่เคย และไม่แม้แต่จะถูกเรียกว่าเป็นคน “ดี” อย่างน้อยพ่อแม่ผมก็เป็นคนพูดแบบนี้ เพราะผมก่อปัญหาให้พวกเขามาตลอดหลายปี พวกเขาทำงานหนักมาก ดังนั้นเราก็เลยไม่ค่อยมีเวลาอยู่ด้วยกันเท่าไหร่ แต่ก็นั่นแหละ ผมก็ไม่ได้ต้องการพวกเขาเหมือนกัน ผมแค่ใช้ชีวิตอย่างที่ตัวเองต้องการ และทุกคนก็เกลียดที่ผมเป็นผม นั่นแหละ ทุกครั้งที่ผมทะเลาะกับพ่อแม่ พวกเขาจะเอาแต่พูดเรื่องเดิม ๆ ซ้ำซาก ประเภท ผมไม่เรียนหนังสือ ทำข้าวของเสียดาย ทำตัวก้าวร้าวหยาบคาย ผมเกลียดที่เป็นแบบนี้ ไม่ใช่แค่พ่อแม่ผม – แต่ครูผม ลุง ป้า และผู้ใหญ่คนไหน ๆ ที่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับชีวิตผมเลยก็ด้วยเช่นกัน
ถึงอย่างนั้น เรื่องที่ว่านี้เกิดขึ้นในเดือนพฤษภาคม พ่อของผมได้รับโทรศัพท์อีกสายจากโรงเรียน เรื่องที่ผมทำตัวไม่ได้เรื่อง โง่เง่า และโมโหร้าย ผมหมายถึง - โมโหร้ายจริง ๆ ถ้าผมออกจากบ้านในวันสุดสัปดาห์ เว้นแต่จะเกิดไฟไหม้หรืออะไรทำนองนั้น หรือเปิดเครื่องเล่นเพลย์สเตชั่น หรือทำอะไรอย่างอื่นที่ทำให้วอกแวกไม่อ่านหนังสือ ผมจะไม่ได้ไปอยู่กับเคฟ พี่ชายของผมช่วงปิดเทอมหน้าร้อน และนี่ก็คือสิ่งที่ผมรอคอยเพียงอย่างเดียว เขาอยู่ห่างออกไปสามร้อยไมล์ และโดยทั่วไปก็คือคนคนเดียวจริง ๆ ที่ไม่ได้เรียกผมว่าไอ้โง่อยู่ตลอดเวลา เราสนุกกันมาก เล่นฟีฟ่า ไปตกปลา และใช้เวลาด้วยกัน นั่นคือช่วงเวลาที่ดีที่สุดของปีเลย และถ้าพ่อแม่บอกว่าให้ผมอยู่บ้าน - ผมก็ต้องอยู่จริง ๆ ดังนั้นผมจึงไม่อาจก่อเรื่องอะไรได้เด็ดขาด
--- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/supportTue, 06 Apr 2021 - 06min - 122 - EP122 : ผมตั้งใจจะแต่งงานกับแฟน จนกระทั่งผมได้พบรักแรกของผมอีกครั้ง ผมจึงคิดนอกใจเธอ
ผมเกิดและเติบโตขึ้นที่บ้านริมชายฝั่งอันแสนสุขสงบที่สุดแห่งนั้น. ที่นั่นไม่ได้กว้างใหญ่นัก แต่พ่อและแม่ผมปล่อยพื้นที่ละแวกนั้นให้เช่าเพื่อเลี้ยงครอบครัวของเรา หนึ่งในแขกที่เราจำได้แม่นยำที่สุดเท่าที่เคยมีคือหัวหน้าพ่อครัวในภัตตาคารหรูแห่งหนึ่งในเวลานั้น ซึ่งก็คือคุณรอสเซตติ ตลอดมา เขาชอบแม่ผมและพยายามจะหยอดแม่อยู่เสมอในเวลาที่พ่อของผมไม่เห็น เขาสอนแม่ทำอาหารเมนูต่างๆ ล้วนแต่เป็นของอร่อย และผมก็ชอบดูเขาร่ายเวทมนตร์ในห้องครัว ผมแทบไม่รู้เลยว่า หลังจากนั้นผมพบว่า การทำอาหารและคำแนะนำเรื่องจีบสาวของเขาจะเป็นประโยชน์อย่างมากในอนาคต เดี๋ยวคุณจะรู้ในอีกไม่นานนี้ล่ะครับ
--- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/supportMon, 29 Mar 2021 - 07min - 121 - EP121 : พ่อเลี้ยงของผมตัดสินใจว่าลูกชายเเท้ๆ ของเขาดีกว่าผม
ผมอีธาน ผมรู้ว่า ผมดูไม่เหมือนเด็กอายุ 14 ทั่วไปเท่าไหร่ เพราะผมดูแก่กว่าอายุจริงมาก ผมคิดว่า ผมได้กรรมพันธุ์นี้มาจากพ่อ ลูกชายคนที่สองของแม่ผม ชื่อจัสติน เขาอายุเจ็ดขวบ และก็ดูเหมือนเด็กเจ็ดขวบทั่วไป ตอนที่เขาเกิดมา พ่อของผมก็ย้ายออกไปจากฮุสตันที่ซึ่งพวกเราอาศัยอยู่ และจากไปแบบตลอดกาล บางทีคุณอาจเดาได้ว่า จัสตินไม่ใช่ลูกของพ่อผม แต่ตอนที่ผมอายุหกขวบผมเด็กเกินไปที่จะเข้าใจเรื่องของผู้ใหญ่ คือเรื่องมันเป็นแบบนี้ แม่ของผมบอกพ่อว่า เธอกำลังตั้งครรภ์และเธอต้องการขอหย่า เพราะเธอต้องการใช้ชีวิตกับผู้ชายอีกคนที่เธอมีลูกกับเขา
--- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/supportWed, 24 Mar 2021 - 06min - 120 - EP120 : ผมจับได้ว่าแฟนของผมเป็นชู้กับอาจารย์
เรื่องทั้งหมดเริ่มขึ้นเมื่อปีก่อนในโรงอาหารมหาวิทยาลัยของผม. ผมเห็นสาวที่สวยมากๆ คนหนึ่งกำลังทานอาหารอยู่อีกโต๊ะ ผมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ผมไม่อาจละสายตาจากเธอไปได้เลย ผมแค่นั่งจ้องเธออยู่อย่างนั้น รู้สึกเหมือนสมองของผมไม่สั่งการราว 2 นาที...ก่อนที่สติของผมจะกลับคืนมาเมื่อเธอเดินตรงมาหาผม ใบหน้าที่น่ารักที่สุดในโลกนั้นพูดกับผมว่า “จ้องอะไรของนายยะ นายงี่เง่า” ที่จริงแล้ว ถ้าเธอพูดอะไรสักอย่างที่ต่างออกไป บางทีผมคงไม่สนใจเธอขนาดนั้น แต่หลังจากเธอเรียกผมว่า “นายงี่เง่า” ผมก็ติดบ่วงเสน่ห์เธออย่างสมบูรณ์. หลังจากนั้น ผมพบหน้าเฟซบุ๊คของเธอ ผมจึงส่งคำขอเป็นเพื่อนไปหา และรีบขอโทษเธอทันทีเรื่องสถานการณ์น่าอึดอัดใจที่เคยเกิดขึ้น และอธิบายว่าทุกทีผมไม่ใช่คนที่ชอบจ้องผู้หญิงขนาดนั้น ยกเว้นเธอ
--- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/supportSun, 21 Mar 2021 - 06min - 119 - EP119 : แม่ฉันเป็นคนชอบเก็บข้าวของ เราเลยอยู่กลางกองขยะ!
ไง ฉันชื่อนอร่า ฉันอายุ 17 ปี และ คือว่า...แม่ของฉันต้องต่อสู้กับการชอบเก็บของมานานกว่า 5 ปีแล้ว ถึงพูดอย่างนี้แล้วจะฟังเหมือนไม่มีอะไรเลย แต่เชื่อฉันเถอะว่า...ไม่ใช่แบบนั้นหรอก ทั้งหมดเริ่มขึ้นเมื่อ 5 ปีที่แล้วเมื่อฉันอายุ 12 ปี และเคเลบน้องชายของฉันอายุ 8 ปี ในปีนั้น...พ่อของเราเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง และ...ขอบอกตามตรงเลยนะว่า นี่เป็นช่วงที่ยากลำบากอย่างมากของทุกคน โดยเฉพาะแม่ของฉัน แม่เริ่มเก็บข้าวของทุกอย่างในบ้าน จนบ้านของเราสกปรกและดูโทรมไปหมดเสียจน “เป็นไปไม่ได้เลย” ที่จะเดินไปไหนมาไหนโดยไม่สวมรองเท้าแตะ คุณไม่สวมรองเท้าแค่ไม่กี่นาทีเท่านั้นแหละ เท้าของเราก็จะดำปี๋สกปรกไปหมด
ห้องทุกห้องเต็มไปด้วยกล่อง หนังสือพิมพ์ เสื้อผ้า รองเท้า และเฟอร์นิเจอร์ เรื่องนี้บ้าบอสุด ๆ เสียจนเรามีพื้นที่เล็ก ๆ เท่านั้นให้เดินไปไหนมาไหน และถึงจะเป็นส่วนที่เราเดินไปไหนได้ก็ยังมีแต่ข้าวของกองเต็มพื้น แล้วแม่ของฉันก็ยังเอาข้าวของกลับมาเพิ่มในบ้านมากขึ้นเรื่อย ๆ อยู่เสมอ ครัวของเราเต็มไปด้วยเครื่องครัว และจานที่ไม่ได้ล้าง ซึ่งแม่ของฉันแค่สั่งอะไรสักอย่างมาเพื่อที่เราจะได้ไม่ต้องทำความสะอาดเองทีหลัง เรื่องที่แย่ที่สุดคือ “แมลง” และ...สิ่งมีชีวิตอื่น ๆ เราเจอแมลงสาบ หนูบ้าน หนูท่ออยู่ตลอด ในสายตาโลกภายนอกเราเป็นครอบครัวปกติธรรมดา แต่แน่ละว่าแม่ฉันไม่ยอมให้ใครเข้ามาในบ้าน เพื่อเห็นว่าที่จริงแล้วเราเป็นยังไงหรอก ฉันไม่อาจทนรอให้อายุครบ 18 ปีได้แล้ว เพื่อที่ว่าฉันจะได้ออกจากบ้านไปเรียนต่อที่ไหนสักแห่ง แต่ฉันรู้ว่าฉันทำไม่ได้...เพราะน้องชายของฉัน
อย่างที่คุณเห็น การอยู่ในสภาพแบบนั้นส่งผลต่อเขาเลวร้ายยิ่งกว่าที่มีกับฉัน เขาป่วย “อยู่เสมอ” และแพ้โน่นนี่เต็มไปหมด ไม่มีวันไหนเลยที่เขาไม่จามติดต่อกันนาน ๆ ฉันไม่อาจปล่อยเขาไว้แบบนั้นได้ และใช่ แม่ของฉันก็เช่นกัน ทุกครั้งที่ฉันพยายามจะบอกให้แม่โยนอะไรสักอย่างทิ้งไปบ้าง แม่จะพยายามอ้างว่าทุกอย่างนั้น “สำคัญ” มากแค่ไหน โอ อย่าโยนนิตยสารเก่านั้นทิ้งไปนะ แม่ยังอ่านไม่จบ อย่าโยนกล่องนั้นออกไป เราอาจต้องใช้ก็ได้! ฉันไม่อาจปล่อยให้ตัวฉันและเคเลบอยู่ในที่แบบนั้นได้อีกต่อไป ดังนั้นในสัปดาห์หนึ่งเมื่อแม่ฉันไปพักผ่อนระยะสั้น และเราต้องไปอยู่ที่บ้านของป้าโรส เราตัดสินใจทำความสะอาดบ้านของเรา ป้าโรสช่วยเราจ้างคนทำความสะอาดและคนย้ายของมา และกว่าสัปดาห์ผ่านไป เราเพิ่งทำความสะอาดได้จริง ๆ แค่...สองห้อง ใช่ ห้องพวกนั้น มีของเยอะแยะเต็มไปหมด! ขนาดที่ว่าสัปดาห์เดียวไม่อาจทำความสะอาดให้เสร็จหมดได้ ฉันไม่ได้คิดเลยว่าปฏิกิริยาของแม่ฉันเมื่อกลับมาถึงบ้าน...
--- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/supportMon, 08 Mar 2021 - 07min - 118 - EP118 : ฉันแต่งงานกับลูกชายของศัตรูพ่อเหมือนโรมิโอกับจูเลียต!
พ่อของฉันเป็นบุคคลที่มีประสบการณ์ในการมีมิตรภาพที่ยืนยาวมาตลอดชีวิต เขาและเพื่อนรักของเขา คุณบริดจ์ อาศัยอยู่บนถนนสายเดียวกันตั้งแต่ตอนที่พวกเขายังเป็นเด็กชายตัวน้อย จากนั้นพวกเขาเข้าเรียนโรงเรียนเดียวกัน และเรียนกฎหมายในมหาวิทยาลัยเดียวกัน อันที่จริงแล้ว พวกเขายังถึงกับแบ่งงานกัน และก็เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของบริษัทที่ผู้สมัครเข้าทำงานได้รับการเสนอตำแหน่งงานในบริษัทพร้อมกันทั้งคู่
--- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/supportSat, 27 Feb 2021 - 09min - 117 - EP117 : แฟนใหม่ของพ่อแอบพาชู้มาที่บ้าน ตอนที่พ่อไม่อยู่
สวัสดีทุกคน! ฉันอายุสิบสี่ปีและชื่อของฉันคือ เอริก้า ฉันอยากจะมาเล่าประสบการณ์ของฉันเกี่ยวกับการที่แม่ของฉันพยายามให้ฉันใช้ชีวิตแบบไม่ปกติและขอเตือนพวกคุณก่อนนะคะว่า อย่าได้ทำตามในสิ่งที่ฉันเคยทำเมื่อสองสามปีก่อนเด็ดขาด! เพราะชีวิตของฉันตกอยู่ในอันตรายร้ายแรงและทุกสิ่งทุกอย่างอาจจบลงอย่างเลวร้าย ... และแม้ว่าความจริงทุกอย่างจะจบลงได้ไม่ค่อยสวยนัก แต่อย่างน้อยฉันก็ยังมีชีวิตอยู่ แต่สิ่งที่สำคัญไปกว่านั้น คือฉันไม่แน่ใจแล้วว่าแม่จะยังรักฉันอยู่เหมือนเดิมหรือไม่
--- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/supportWed, 24 Feb 2021 - 08min - 116 - EP116 : ฉันยอมสละตัวเองเพื่อช่วยชีวิต 30 ชีวิต
สวัสดีทุกคน! ฉันชื่ออาบิเกล อายุ 13 ปี เมื่อเร็ว ๆ นี้ ชีวิตของฉันได้เข้าสู่ความวุ่นวายเป็นอย่างมาก ฉันเริ่มคิดว่าฉันกำลังจะเป็นบ้าหลังจากสิ่งแย่ ๆ เกิดขึ้นกับครอบครัวของฉัน แต่ประเด็นคือ – ฉันกลัวความฝันตัวเองและฉันก็มีเหตุผลด้วย ไม่มีอะไรบ่งบอกถึงความทุกข์ยากในครอบครัวของฉันเลยและฉันก็ใช้ชีวิตธรรมดา ๆ กับพ่อแม่อันเป็นที่รัก แม่ฉันเป็นแม่บ้าน ส่วนพ่อฉันทำงานอยู่ในบริษัทการค้าซึ่งเพิ่งได้เลื่อนขั้นไม่นานมานี้ มันเจ๋งมาก แต่พ่อก็ต้องไปออกทริปของบริษัทบ่อย ๆ ทำให้ฉันกับแม่คิดถึงเขามาก
--- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/support
แต่หลังจากนั้น ทุกสิ่งก็แย่ลง พ่อของฉันกำลังกลับมาจากเมืองอื่น ซึ่งฉันตื่นเต้นมาก คืนนั้นฉันเข้านอนดึก และตอนที่หลับตาลง...ฉันเห็นบางอย่างที่น่าเหลือเชื่อ ฉันกับพ่อกำลังดูดาวตกด้วยกันในป่า ขณะที่เขากำลังบอกฉันเกี่ยวกับกลุ่มดาว แผ่นดินก็เริ่มสั่นสะเทือน พ่อฉันลื่นและตกลงไปในความมืด เขาเรียกชื่อฉันและขอความช่วยเหลือ แต่ฉันไม่สามารถหายใจหรือขยับได้เลย จากนั้นก็มีแสงไฟสว่างวาบขึ้นมาและ...ฉันพบว่าตัวเองนั่งอยู่บนเตียงด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง ฉันใช้เวลาสักพักจึงตั้งสติได้ว่ามันเป็นเพียงแค่ฝัน แต่หลังจากนั้นฉันก็นอนไม่หลับ ฉันรู้สึกว่าตัวเองยังคงได้ยินเสียงพ่อกำลังเรียกอยู่และไม่สามารถสงบสติได้เลย ดังนั้นฉันจึงไปที่ห้องแม่และเล่าเกี่ยวกับฝันร้ายให้เธอฟังทั้งน้ำตา ฉันกลัวมากและรู้สึกอยากโทรหาพ่อเพื่อเช็กว่าเขาปลอดภัยดี แม่ฉันคิดว่ามันไม่ใช่ความคิดที่ดีเลยที่จะโทรไปรบกวนพ่อกลางดึก แต่ฉันก็ยังยืนกราน พ่อฉันแปลกใจมากที่ได้ยินคำถามว่า “พ่อ สบายดีนะคะ?” ตอนตี 3 ซึ่งก็โล่งใจที่เขาไม่เป็นอะไร
พ่อกลับมาบ้านอย่างปลอดภัย ฉันกับแม่ทำอาหารเย็นสุดพิเศษต้อนรับเขาและเล่นมุกตลกเกี่ยวกับฝันของฉันเมื่อวาน เช้าวันรุ่งขึ้น พ่อพาฉันไปโรงเรียนและขยิบตาให้ฉันพร้อมพูดว่า “สักวันเราจะไปตามหาป่าที่มีดาวตกด้วยกันนะ” จากนั้นพ่อก็หัวเราะกับมุกตลกของเขาและขับรถไปทำงานโดยที่ฉันไม่รู้เลยว่านี่เป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันจะได้คุยกับพ่อFri, 19 Feb 2021 - 07min - 115 - EP115 : สมองของผมกำลังตายอย่างช้า ๆ ผมมีเวลาเหลืออยู่อีกหนึ่งปี
ไง ทุกคน ผมชื่อเดฟ เรื่องของผมเป็นเรื่องเศร้า และผมหวังว่าเรื่องนี้จะไม่เกิดกับพวกคุณคนไหนเลย แต่นี่คือตัวอย่างของการที่คนคนหนึ่งจะผ่านพ้นช่วงเวลาห้าขั้นของความโศกเศร้ามาได้อย่างไร และผมจะบอกคุณว่าผมรับมือกับเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างไร อย่างที่มักเกิดขึ้นนั่นแหละ ทุกอย่างเริ่มต้นที่ช่วงเวลาที่ไม่เหมาะสมที่สุดในชีวิตผมเลย ผมเพิ่งอายุครบ 16 ปี ผมมีแม่ผู้เป็นที่รัก ซึ่งเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดในโลกของผม และแฟนสาวแสนสวย แล้วจากนั้นผมก็เริ่มมีอาการปวดศีรษะไม่มีอะไรผิดแผกจากปกติเลย ถูกไหม? ผมคิดว่านั่นเป็นเพราะสภาพอากาศ หรือไม่ก็นอนไม่พอ ดังนั้นผมก็เลยแค่กินยาแก้ปวด และสนใจแต่เรื่องต่าง ๆ ในชีวิตผมอย่างเดียว แต่หลังจากผ่านไปไม่กี่สัปดาห์ ผมก็เริ่มมีอาการวิงเวียน ซึ่งทำให้เจ็บปวดมากขึ้น ผมแค่นอนอยู่บนเตียงเฉย ๆ แต่รู้สึกเหมือนถูกเขย่าไปมา...เหมือนอยู่บนเรือที่เผชิญพายุหรืออะไรทำนองนั้น เห็นได้ชัดว่าผมต้องไปหาหมอ เมื่อถึงตอนที่นัดพบหมอ เขาตรวจผมและบอกว่า พวกเขาต้องทำเอ็มอาร์ไอสมองของผม – เป็นเรื่องปกติสำหรับคนที่มีอาการแบบผม
--- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/support
หลังจากการทดสอบ เรารอผลการตรวจอยู่ที่โถงทางเดิน ผมเห็นว่าแม่ของผมดูวิตกกังวลอย่างมาก ในตามีน้ำเอ่อคลอ ผมสับสนนิดหน่อย แต่แม่ผมเล่าให้ฟังว่า เมื่อหลายปีที่แล้ว พ่อผมต้องเข้ารับการผ่าตัด และเขาก็ต้องต่อสู้กับโรคร้ายหมอบอกว่าพ่อผมมีเวลาในชีวิตเหลืออีกเพียงแค่สองปี และเขาต้องการเหลือบางสิ่งบางอย่างทิ้งไว้ ปีถัดมาผมจึงถือกำเนิด และหลังจากนั้นหนึ่งปี พ่อก็เสียชีวิต แม่ของผมเคยบอกว่าผมเหมือนพ่อมาก แต่ผมจำเขาไม่ได้เลย...*ถอนหายใจ* เรื่องนี้ไม่ได้ทำให้อะไร ๆ ง่ายขึ้นเลย ผมอยากทำให้แม่รู้สึกดีขึ้น และบอกแม่ว่าผมไม่มีทางเป็นมะเร็ง และเราจะได้รู้แน่ ๆ ในอีกไม่นานนี้เอง แต่ปรากฎว่าผมคิดผิด หมอเรียกเราเข้าไปคุย และเรามีข่าวร้ายอย่างมาก เขาเอารูปสมองของผมให้ดู และชี้ให้ดูจุดเล็ก ๆ ที่สว่างจุดหนึ่ง เขาบอกว่านั่นเป็นเนื้องอก จากนั้นหมอจึงถามผมว่า มีคนในครอบครัวคนไหนเป็นมะเร็งแบบนี้ไหม เพราะผมมีแนวโน้มจะเป็นเช่นกัน และเนื้องอกนี้อาจเป็นอันตรายได้ ตอนนี้มันมีขนาดเล็กมาก และต้องได้รับการผ่าตัดออก ไม่นานหลังจากนั้นก็จะดีขึ้น แต่ผมสาบานกับพวกคุณได้เลย ผมมองไม่เห็นอะไรสักนิด ดังนั้นก็เลยปฏิเสธที่จะเชื่อว่าผมเป็นมะเร็ง
จุดที่ว่านี้เล็กมากเสียจนหมออาจจะสับสนกับอะไรก็ได้! ในตอนนั้น ทุกอย่างชัดเจนอย่างมากสำหรับผม - หมอคนนี้วินิจฉัยผิด และเราก็แค่ต้องไปตรวจที่โรงพยาบาลอื่น และพวกเขาก็จะให้ยาแก้ปวดไมเกรนกับผม แม่ผมขอร้องให้ผมเริ่มทำการรักษาให้เร็วกว่านี้ แต่ผมโตพอที่จะตัดสินใจเองได้แล้ว หลังผ่านไปอีกสัปดาห์ที่ผมเอาแต่ทานยาแก้ปวด และพยายามโน้มน้าวให้แม่เชื่อว่าผมดีขึ้น เพื่อที่แม่จะได้ไม่ต้องกังวล แต่พอถึงจุดหนึ่ง ผมก็สังเกตเห็นว่าสายตาของผมย่ำแย่ลง และผมก็เริ่มกลัว ดูเหมือนหมอจะพูดถูก ผมทำเอ็มอาร์ไออีกครั้ง และตอนนี้ก็เห็นชัดแล้ว – เนื้องอกในสมองของผมนั่น ไม่ต้องสงสัยเลยว่าผมเป็นมะเร็งสมองแน่แล้ว นี่จึงเป็นการสิ้นสุดการทำใจยอมรับความจริงขั้นแรก - นั่นคือเลิกปฏิเสธ และอะไร ๆ ก็เริ่มเลวร้ายยิ่งขึ้นWed, 17 Feb 2021 - 12min - 114 - EP114 : ฉันหนีออกจากโรงเลี้ยงเด็กกำพร้ากับเพื่อนคนเดียวของฉัน เราอดอยากกัน
สวัสดีทุกคน! ฉันชื่อรีเบคก้า ฉันพนันได้เลยว่าเด็กทุกคนฝันอยากจะโตเป็นผู้ใหญ่เร็วกว่านี้ เพื่อที่จะได้ทำอะไร ๆ ที่พวกเขาต้องการในชีวิตและทำความฝันของตัวเองให้เป็นจริง ฉันก็เป็นแบบนั้นเหมือนกัน ไม่นานมานี้ฉันเพิ่งอายุครบ 18 ปี ดังนั้นฉันจึงเป็นอิสระราวกับนกแล้ว แต่จะเป็นอย่างไรถ้าฉันจะเล่าให้คุณฟังว่า ความฝันทุกอย่างของฉันแหลกสลายเป็นชิ้น ๆ และฉันก็กำลังยืนอยู่ริมขอบเหวโดยไม่รู้ว่าต้องไปที่ไหน? ฉันเกิดที่แคลิฟอร์เนี ฉันมีชีวิตที่มีความสุขที่สุดเท่าที่คุณจะจินตนาการได้ แม่ของฉันเป็นช่างภาพที่ประสบความสำเร็จ เราก็เลยไม่เคยขาดแคลนอะไรเลย แต่แล้ววันหนึ่ง ทุกสิ่งทุกอย่างก็เปลี่ยนไป
--- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/support
ฉันยังคงนอนหลับอยู่ในเช้าตรู่วันหนึ่งเมื่อได้ยินเสียงเคาะประตู จากนั้นฉันก็ได้ยินเสียงแม่พูดดังมากและโต้เถียงกับใครสักคนอยู่ตรงนั้น ฉันวิ่งลงบันไดไปเพื่อที่จะเห็นแม่ฉันถูกใส่กุญแจมือ ที่ประตูมีตำรวจสี่นายลากแม่ออกจากบ้านและปิดประตู ฉันได้แต่ยืนอยู่ตรงนั้นด้วยความตกตะลึง ไม่อาจขยับตัวไปไหนหรือแม้แต่ร้องไห้ได้เลย แต่ก่อนที่ฉันจะรู้ตัว ก็มีเสียงเคาะประตูอีกรอบหนึ่ง นั่นเป็นคนจากฝ่ายสังคมสงเคราะห์ที่คอยจัดการเรื่องเด็ก พวกเขาบอกฉันว่า แม่ฉันถูกจับในข้อหาก่ออาชญากรรมและเธอไม่อาจกลับมาบ้านในเร็ววันนี้ได้อย่างแน่นอน เรื่องนี้สร้างความตกตะลึงอย่างใหญ่หลวงกับฉัน ฉันพยายามบอกตัวเองว่านี่เป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่และทุกอย่างจะเป็นปกติในอีกไม่นาน แต่เรื่องนั้นก็ไม่เคยเป็นความจริง
ขณะที่แม่ของฉันอยู่ภายใต้การสอบสวน ฉันถูกส่งไปอยู่ที่ศูนย์ดูแลเด็กชั่วขณะ ก่อนที่จะย้ายไปอยู่กับครอบครัวอุปถัมภ์ ฉันใช้เวลาอยู่ที่นั่นแค่สองสัปดาห์ แต่ก็ได้มองเห็นมุมใหม่ ๆ ในความเป็นจริงทั้งหมด ฉันมี “เพื่อนร่วมทางที่ยอดเยี่ยม” มากจริง ๆ - ทั้งวายร้ายรุ่นเยาว์ อาชญากร เด็กหัวรุนแรงและพวกนักเลงหัวไม้ และฉันก็เป็นเพียงเด็กหญิงซื่อ ๆ อายุ 15 ปีที่แทบจะไม่เคยพูดคำสบถเลย ฉันเคยสวมแต่เสื้อผ้าราคาแพง แต่ทั้งหมดถูกขโมยไปและฉีกทิ้งเป็นชิ้น ๆ ตั้งแต่คืนแรกที่ฉันอยู่ที่นั่น ฉันกลายเป็นตัวประหลาด เด็ก ๆ ที่นั่นขังฉันไว้ในห้องน้ำและขโมยสิ่งของรวมถึงอาหารกลางวันของฉัน ทุกวันเต็มไปด้วยการกลั่นแกล้งทรมาน...จนกระทั่งฉันได้พบไทเลอร์Tue, 09 Feb 2021 - 09min - 113 - EP113 : แม่แฟนของฉันตัดสินใจยุติความรักของเราและเธอทำแบบนั้นต่อหน้าคนอื่น!
สวัสดี ฉันชื่อออเดรย์ และนี่คือคือคุณนายแมคเคนซี่ แม่ของแฟนฉันเอง อันที่จริงเราไม่ได้คบกันแล้วล่ะ และผู้หญิงคนนี้คือต้นเหตุของทุก ๆ อย่าง ก่อนที่เรื่องนี้จะเกิดขึ้น ตอนนั้นฉันคบกับสจวร์ตมาได้หนึ่งปีแล้ว ความสัมพันธ์ของพวกเราเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบทุกอย่างเว้นอยู่อย่างเดียวคือแม่ของเขาที่คอยมายุ่มย่ามอยู่ตลอดเวลา เห็นได้ชัดว่าเธอไม่เคยชอบฉันเลยและตั้งแต่ที่ฉันเริ่มคบกับสจวร์ต เธอก็ไม่เคยต้องการที่จะทำความรู้จักกับฉันและทุกครั้งที่ฉันถามสจวร์ตว่าทำไมเราไม่ไปที่บ้านของเขาบ้าง เขาตอบว่าแม่ของเขาคิดว่าการไปพบพ่อกับแม่นั้นเป็นอะไรสำหรับคนที่จริงจังจนพร้อมที่จะแต่งงานกันแล้วเท่านั้นและพวกเราถือว่ายังไม่ใช่ แต่นั่นมันก็ไม่ได้ทำให้ฉันเศร้าหรืออะไรหรอกนะ แต่ว่าแม่ของฉันรู้จักกับสจวร์ตแล้ว ฉันเลยคิดว่ามันคงจะดีถ้าจะได้รู้จักกับพ่อแม่ของเขาบ้าง ก็เท่านั้นเอง
--- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/support
ยังไงก็ตาม สุดท้ายฉันก็ได้เจอแม่ของเขา มันเป็นคืนเลี้ยงฉลองของคุณยายของเขา คุณยายเลยเชิญฉันไปร่วมงานด้วย กลายเป็นว่าคุณนายแมคเคนซี่ดูใจดีและสุภาพกับฉันมาก เราพูดคุยกันเล็กน้อย แต่นั้นมันก็เพียงพอแล้วสำหรับคืนที่วุ่นวายแบบนั้น หลังจากนั้นประมาณหนึ่งสัปดาห์เธอก็เชิญฉันไปทานอาหารเย็นและมันทำให้ฉันสัมผัสได้ถึงความตึงเครียดระหว่างเรา ก่อนอื่นเลยต้องก่อนบอกว่าฉันเป็นคนไม่กินเนื้อสัตว์ และสจวร์ตก็ควรบอกแม่ของเขาเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขาบอกฉันว่าบอกเขาบอกแล้ว แต่พอฉันไปที่โต๊ะอาหาร ฉันกลับเห็นว่ามันมีอาหารที่ทำจากเนื้ออยู่เต็มโต๊ะ ตอนแรกคุณนายแมคเคนซี่บอกฉันว่าสจวร์ตไม่ได้บอกเธอ แต่ต่อมาเธอกลับพูดว่าบางทีเขาคงจะบอกตอนที่เธอกำลังยุ่งอยู่เธอก็เลยเข้าใจอะไรบางอย่างผิดไป ฉันบอกว่าไม่เป็นไร และใช้เวลาตลอดทั้งมื้อค่ำนั้น เพื่อพยายามเขี่ยเนื้อออกไปจากจานสลัด
หลังจากเสร็จจากมื้ออาหาร คุณนายแมคเคนซี่ก็บอกว่าเราจะไปดื่มน้ำชาและเค้กด้วยกันที่ห้องนั่งเล่น ปกติแล้วฉันไม่ค่อยชอบเค้กหรือของหวานเท่าไหร่ แต่ด้วยความที่ฉันรู้สึกไม่อิ่ม ประกอบกับว่านั่นเป็นเค้กที่เธออบเอง ฉันเลยคิดว่าแค่ชิ้นเล็ก ๆ คงไม่เป็นไร บอกตรง ๆ เลยว่า ฉันรู้สึกแย่ตั้งแต่กัดมันเข้าไปคำแรก แน่นอน ฉันไม่กล้าแสดงออกว่าฉันไม่ชอบมัน คือฉันคิดว่าแค่เรื่องที่ฉันไม่กินเนื้อสัตว์มันก็มากพอแล้ว ฉันเลยไม่อยากที่จะทำตัวไม่สุภาพ ดังนั้นฉันจึงพยายามอย่างแสนสาหัสเพื่อฝืนกินเค้กบ้านั่นลงไปSat, 06 Feb 2021 - 09min - 112 - EP112 : พ่อแม่ฉันรับอุปการะเด็กชายที่เป็นดาวน์ซินโดรมและเริ่มเพิกเฉยฉัน
ไง! ฉันชื่อโซอี้ และฉันอายุสิบสี่ปี. ไม่นานมานี้ฉันเพิ่งตระหนักได้ว่า ความอิจฉาริษยาเป็นความรู้สึกที่เลวร้ายที่สุดในโลก. ความรู้สึกนี้ทำให้คุณตามืดบอดและกระตุ้นให้คุณทำอะไรบางอย่างที่ไร้หัวคิดโดยสิ้นเชิง. วันนี้ฉันอยากบอกเรื่องราวแก่พวกคุณอย่างตรงไปตรงมา ว่าครั้งหนึ่งฉันเคยตามืดบอดแค่ไหน ทั้งพ่อและแม่ของฉันเป็นสูตินรีแพทย์ที่ประสบความสำเร็จ และทั้งคู่ยังรักงานที่ตัวเองทำมาก ถึงพ่อและแม่ของฉันจะรักเด็ก ๆ แต่ก็เกิดขึ้นได้เฉพาะกับเด็กคนเดียวและขอบอกพวกคุณตามตรงนะ ฉันดีใจมากจริง ๆ ที่เป็นแบบนั้น ฉันได้รับความรัก ความสนใจ และความเอาใจใส่ทั้งหมด แต่แล้วก็กลายเป็นว่า ความสงบสุขของฉันไม่ได้คงอยู่ตลอดไป
วันหนึ่งคุณพ่อคุณแม่ของฉันเรียกฉันไปที่ห้องครัวโดยที่ฉันไม่รู้สาเหตุ และบอกว่ามีเรื่องเซอร์ไพรส์ที่น่าทึ่งที่สุดให้ฉัน แน่ล่ะ ฉันตื่นเต้นขึ้นมาจริง ๆ ฉันแทบไม่รู้เลยว่าเรื่องเซอร์ไพรส์นี้จะเปลี่ยนแปลงชีวิตของเราไปตลอดกาล พ่อแม่ฉันบอกว่า พวกเขาจะรับอุปการะเด็กคนหนึ่ง! เด็ก “พิเศษ”...ตอนนั้นฉันรู้สึกเหมือนถูกอะไรสักอย่างแทงข้างหลัง ทำไมกัน? แค่ฉันยังไม่พอหรือ? ฉันไม่เข้าใจเลยว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่! ปรากฎว่ามีเด็กเกิดใหม่ถูกทิ้งไว้ที่แผนกเด็กเกิดใหม่ในโรงพยาบาลที่พ่อและแม่ของฉันทำงาน แม่ของเขาทิ้งเขาไปเพราะเขาเกิดมาพร้อมกับภาวะดาวน์ซินโดรมและแน่นอนว่าพ่อแม่ผู้หาญกล้าของฉันไม่อาจเบือนหน้าหนีไปเฉย ๆ ได้ พวกเขาสัญญากับฉันว่าจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง พวกเขาจะยังคงรักฉันมากเท่ากับที่เคยเป็นมา และมากยิ่งกว่าด้วย เราทั้งหมดจะเป็นครอบครัวที่ยอดเยี่ยม หรืออะไรแบบนั้น เรื่องนี้ช่วยให้ฉันสงบลงชั่วขณะ แต่ตอนนั้นฉันเพิ่งอายุแค่แปดขวบ ดังนั้นจึงไม่ค่อยรู้หรอกว่าดาวน์ซินโดรมหมายความว่าอย่างไร และทำไมเด็กพวกนี้ถึงถูกเรียกว่าเด็ก “พิเศษ”
ในวันที่พ่อแม่ของฉันพาอีธานกลับมาบ้าน เราจัดงานปาร์ตี้ขนาดใหญ่กัน ญาติและเพื่อนสนิททั้งหมดของเรามาเพื่อรู้จักสมาชิกคนใหม่ล่าสุดของครอบครัว ทุกคนมองหน้าเขาและหลงรักเขาทันที ฉันจำได้ครั้งแรกที่เห็นหน้าเขาได้ เขาน่ารัก แต่แปลกประหลาดและไม่เหมือนใบหน้าของคนอื่น ๆ ที่ฉันเคยเห็นเลย เขาเหมือนมนุษย์ต่างดาวในสายตาฉัน ตอนแรกเจ้าตัวน้อยนี้ดูเหมือนจะไม่มีปัญหาอะไร แต่พอเวลาผ่านไปเท่านั้นแหละ
--- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/supportWed, 03 Feb 2021 - 11min - 111 - EP111 : ผมช่วยเพื่อนรักโดยให้เงินทั้งหมดที่ผมมี แต่เขากลับโกหก!
สวัสดี ผมริกกี้ คุณเคยช่วยเหลือใครจนตัวเองต้องเดือดร้อนบ้างมั้ย? ผมนี่แหละเจอมากับตัว และนี่คือเรื่องราวที่ผมจับผู้ร้ายได้ แต่ผมกลับปล่อยเขาไป
--- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/support
เรื่องราวมันเกิดขึ้นเมื่อเพื่อนใหม่ของผมที่ชื่อไมค์ ได้ย้ายเข้ามาในโรงเรียนของเรา ตามปกติแล้วการปรับตัวใหม่มันเป็นสิ่งที่ยากเสมอ และมันยิ่งแย่เข้าไปใหญ่เพราะเขาเป็นคนขี้อายและพูดน้อย ด้วยเหตุนี้เหล่าเพื่อนๆ หัวโจกทั้งหลายจึงเริ่มแกล้งเขา ผมรู้สึกสงสารและอยากช่วยเขา บางทีอาจเป็นเพราะผมเข้าใจความรู้สึกเขาดี ดังนั้นเราจึงเริ่มพูดคุยจนสุดท้ายก็กลายเป็นเพื่อนกัน เราใช้เวลาที่โรงเรียนและที่ชั้นเรียนดนตรีด้วยกัน บางครั้งผมก็ชวนเขามาเล่นเอ็กซ์บ๊อกซ์ที่บ้านหรือออกไปเที่ยวเล่นด้วยกัน เราสองคนสนิทกันอย่างรวดเร็ว และผมก็มีความสุขกับเขามากเพราะไมค์เป็นเหมือนเพื่อนคนเดียวที่ผมมี
ปัญหาระหว่างความมิตรภาพของเรามันเริ่มขึ้นหลังจากวันเกิดผม พ่อแม่ผมให้เงินเป็นของขวัญวันเกิดและผมตัดสินใจว่าจะเอามันไปซื้อกีตาร์ตัวใหม่ ผมดีใจสุดๆและตื่นเต้นมาก จึงชวนไมค์มาที่บ้านเพื่อให้เขามาช่วยผมเลือกดูทางอินเตอร์เนตด้วยกันว่าจะซื้อรุ่นไหนดี และสุดท้ายเราก็เจอตัวที่ดีที่สุด ใช่แล้ว มันคือ เฟนเดอร์ รุ่น สตราโตแคสเตอร์ มันไม่ใช่แค่กีตาร์ธรรมดา แต่มันคือกีตาร์ในฝันของผม และมันก็ค่อนข้างแพงทีเดียว ผมต้องการเช็คให้แน่ใจว่าผมมีเงินอยู่พอที่จะซื้อมัน ผมเลยเอากล่องใส่เงินออกมานับ และเยี่ยมไปเลย ! อีกไม่นานผมก็จะมีกีตาร์ตัวใหม่ที่ดีที่สุดและบางทีเราอาจจะตั้งวงดนตรีด้วยกัน! ผมตื่นเต้นมาก และยิ่งมีความสุขมากกว่าที่ได้แบ่งปันความรู้สึกนี้กับไมค์เพื่อนรักของผม!Mon, 01 Feb 2021 - 08min - 110 - EP110 : ครอบครัวของฉันบ้าไปแล้ว! ฉันมีพ่อหนึ่งคน และแม่สามคน
สวัสดีทุกคน! ฉันชื่อลิซ่าและฉันอายุสิบแปดปีนะ ฉันอาศัยอยู่ในซีแอตเทิลกับครอบครัวของฉัน ... อืมมม ทำไมฉันถึงต้องบอกข้อมูลทั้งหมดนี้นะหรอ? ก็ฉันไม่รู้ว่าฉันจะเริ่มต้นเล่าเรื่องราวของฉันให้พวกคุณฟังยังไงดี เพราะแท้จริงแล้ว เรื่องราวมันก็เกี่ยวกับพ่อกับแม่ของฉันที่แต่งงานกัน และก็เกี่ยวกับแฟนสาวของพ่อ โอ้! และก็เกี่ยวกับแฟนสาวของแม่ฉันด้วย ใช่ คุณได้ยินฉันถูกแล้ว
--- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/supportSun, 31 Jan 2021 - 07min - 109 - EP109 : ผมรับเลี้ยงลูกชายนอกสมรสของพ่อ
สวัสดีทุกคน ผมชื่อแอนโทนี่ อายุ 17 ปี และอีกไม่นานผมจะกลายเป็นพ่อแล้ว ผมคิดว่าผมทำได้เพราะมีตัวอย่างประเภทของพ่อที่ไม่สมควรเป็นอยู่ ใช่แล้ว ผมกำลังพูดถึงพ่อผมเอง ผมไม่ได้จะบอกว่าพ่อเป็นคนไม่ดีหรอก เขาเป็นลูกเรือ และเราทั้งคู่ได้เจอกันแค่สามเดือนต่อปีเท่านั้น โอเค ผมรู้ดีว่าเขาเป็นคนหาเงินเข้าครอบครัว ดังนั้น แม่และผมจึงมีความเป็นอยู่ที่ดี แต่ผมก็คิดถึงพ่ออยู่ดี คุณรู้ไหม ผมอิจฉาเด็กคนอื่นๆ ที่มีพ่ออยู่ด้วยตลอดในช่วงชีวิตวัยเด็ก และผมก็เฝ้ารอวันที่พ่อกลับมาบ้านไปวันๆ เพื่อที่จะทำกิจกรรมร่วมกันอย่างสนุกสนานถึงจะแม้จะไม่กี่วันก็ตาม และเมื่อเร็วๆ นี้แม่ก็ได้รู้ความจริงว่า ไม่ใช่แค่เราแค่สองคนหรอกที่เฝ้ารอพ่อกลับมาจากทะเล
--- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/support
ครั้งสุดท้ายที่พ่อออกทะเลไป การเดินเรือของเขาควรจะเสร็จสิ้นลงในวันที่กำหนดและเขาควรจะกลับบ้านเลย แต่เขากลับส่งข้อความมาบอกว่าจะกลับบ้านในอีกสองสามวันหลังจากนั้น โดยไม่ได้อธิบายว่าทำไม มันแปลกมาก เพราะที่ผ่านมาเขาจะรีบกลับบ้านมาเจอพวกเราตรงเวลาเสมอ ผมและแม่รู้สึกกังวล อาชีพของพ่อนั้นอันตรายแม้ตอนนี้จะอยู่ในยุคศตวรรษที่ 21 แล้วก็ตาม เขาอาจจะติดอยู่ในพายุ หรือได้รับเชื้อมาลาเรียจากท่าเรือของประเทศโลกที่สาม นอกจากนี้ ยังมีโจรสลัดอยู่ในมหาสมุทรในโลกปัจจุบันนี้อีกด้วย! ผมกับแม่ใจเย็นไม่ได้เลยจนกระทั่งเช้าวันหนึ่งที่พวกเราได้ยินเสียงรถมาจอดที่หน้าบ้าน ผมมองผ่านหน้าต่างเห็นพ่อลงมาจากรถแท็กซี่ เย้! ผมรีบวิ่งออกไปหาพ่อทันที แต่กลับเห็นเด็กชายคนหนึ่งอายุประมาณ 5 ขวบลงมาจากรถด้วย พ่อบอกกับพวกผมว่า เรามีเรื่องสำคัญจะต้องคุยกัน
แม่กับผมไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เรานั่งลงและพ่อของผมก็เริ่มพูด หลายปีก่อน ตอนที่เรือของพ่อเทียบท่าที่ท่าเรือในฟิลิปปินส์ เขาได้พบกับผู้หญิงคนหนึ่งและมีความสัมพันธ์กัน ระหว่างที่อยู่ในทะเล เหล่าลูกเรือมักจะคิดถึงความสัมพันธ์ที่เป็นธรรมชาติของมนุษย์ คุณน่าจะรู้นะว่าคืออะไร วันหนึ่งพ่อผมได้รับข้อความจากผู้หญิงคนนั้น ที่บอกว่าเธอท้อง พ่อไม่ต้องการทิ้งให้เธออยู่คนเดียวและรู้สึกอยากรับผิดชอบเด็กคนนั้น ตั้งแต่ตอนนั้น ชีวิตของพ่อถูกแบ่งออกเป็นสามส่วน: ทะเล ครอบครัวของเขาในอเมริกา และอีกครอบครัวหนึ่งในฟิลิปปินส์ แต่เรื่องร้ายก็ได้เกิดขึ้น ผู้หญิงคนนั้นป่วยและถูกส่งไปโรงพยาบาลอย่างด่วน โชคร้ายที่หมอไม่สามารถช่วยชีวิตเธอไว้ได้ ส่วนพ่อก็อยู่กับเธอจนกระทั่งตอนที่จากไป หลังจากงานศพ พ่อต้องตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรต่อไป หากเขาทิ้งเด็กไว้ที่นั่น เด็กจะกำพร้าพ่อแม่ และเด็กไม่น่าจะอยู่รอดได้ พ่อของผมไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นเลยอยู่ที่นั่นเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ เพื่อจัดเตรียมเอกสารในการพาเด็กย้ายมาอยู่ที่อเมริกา และตอนนี้พวกเขาก็อยู่ที่นี่Thu, 28 Jan 2021 - 06min - 108 - EP108 : ผมต้องซ่อนตัวอยู่ในห้องน้ำโรงเรียนตลอดทั้งเทอม
ไงทุกคน! ผมชื่อแดเนียล ผมอายุสิบหกปีและผม...เอ่อ คุณคงจะเข้าใจทุกอย่างเมื่อคุณได้ฟังเรื่องราวของผม ผมกำลังเรียนอยู่ที่สถาบันแห่งหนึ่ง - ซึ่งเป็นโรงเรียนประจำชายล้วนที่มีชื่อเสียง เรื่องที่ผมจะเล่าให้คุณฟังเริ่มต้นขึ้นเมื่อมีเด็กใหม่คนหนึ่งเข้ามาเรียนกับเรา ในตอนนั้น ผมยังไม่มีรูมเมท คุณครูจึงจัดให้เขาอยู่ห้องเดียวกันกับผม มันทำให้ผมผิดหวังมาก แต่เด็กใหม่คนนี้ มิเกล กลายเป็นเพื่อนร่วมห้องที่สุดยอด: เขาปฏิบัติตัวสุภาพและมีมารยาทดี จริง ๆ แล้วเขาก็เท่ใช้ได้เลย: เขาทำทุกอย่างพร้อมกันได้อย่างดีเยี่ยม
แต่เมื่อเขาเริ่มพูดคุยกับเพื่อนคนอื่น ๆ ผมก็ต้องตกตะลึงอย่างมาก สาว ๆ คือหัวข้อสุดโปรดของมิเกล ไม่ใช่แค่เรื่องสาว ๆ ทั่วไปนะ - เขาพูดถึงสาว ๆ ที่พากันหลงรักเขา, เรื่องที่หักอกสาว ๆ และเรื่องที่สาว ๆ แทบจะตบตีกันเพื่อแย่งเขาอยู่เป็นประจำ เขาไม่แยแสเรื่องพวกนั้นเลยสักนิดและผมรู้สึกละอายแทนเขามาก ๆ แต่ในเรื่องอื่น ๆ นั้นเขาเพอร์เฟ็ค แล้วเราก็กลายมาเป็นเพื่อนรักกัน - พวกเราไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอ เว้นแต่การไปเข้าร่วมกลุ่มที่มิเกลมักพูดเรื่องตลกเกี่ยวกับ “ยัยพวกโง่คลั่งรัก” ซึ่งเป็นคำที่เขาใช้เรียกพวกเธอ เขายังอ่านข้อความจากแฟนสาวคนล่าสุดให้เพื่อน ๆ ฟังออกมาดัง ๆ เพื่อเรียกเสียงหัวเราะจากกลุ่มคนที่อยู่รายล้อม ผมไม่ขอมีส่วนร่วมด้วยในเรื่องนี้ แต่นี่ไม่ใช่ปัญหา - เพราะมิเกลกับผมยังคงเป็นเพื่อนกัน
แต่แล้วปัญหาหนึ่งก็เกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิด ผมรู้ตัวว่าผมตกหลุมรักรูมเมทเข้าแล้วและผมก็ไม่ควรเปิดเผยความรู้สึกที่แท้จริงออกไป - เพราะมันชัดซะยิ่งกว่าชัดซะอีกว่ามิเกลสนใจแต่สาว ๆ ดังนั้นผมเลยพยายามรักษาระยะห่างจากเขา แต่ผมก็ตระหนักได้ว่าตัวผมนั้นเป็นเหมือนกับเงาตามตัวของเขา - เรามีตารางเรียนเหมือนกัน เรียนคาบเดียวกันและเล่นกีฬาเหมือนกันอีก แถมมิเกลยังเริ่มเปิดใจกับผมมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเราพูดคุยกัน ครั้งหนึ่งเขาบอกผมว่าพ่อของเขาเป็นคนส่งเขามาเรียนที่สถาบันแห่งนี้ ทั้ง ๆ ที่เขาไม่ยอม เขาบ่นถึงปัญหากับแฟนสาวของเขาด้วยน้ำเสียงที่แตกต่างจากการคุยโม้ต่อหน้าเพื่อนคนอื่นอย่างมาก ครั้งหนึ่งเขาสารภาพว่า เขาคิดถึงหมาของเขามาก ผมลำบากใจมาก ผมแสร้งเป็นเพื่อนที่ดีเพื่อเขา แต่ผมต้องรู้สึกเดียวดายกับความรู้สึกแท้จริงที่มีต่อมิเกลและผมก็ถูกมันเข้าครอบงำ
--- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/supportThu, 28 Jan 2021 - 08min - 107 - EP107 : หลังจากที่ผมรู้ว่าพ่อนอกใจ เขาจึงขอให้ผมเก็บเป็นความลับ
สวัสดีทุกคน เคยอยากลืมเหตุการณ์บางอย่างในชีวิตของคุณบ้างไหม? ผมเคยทำได้โดยไม่ตั้งใจนะ แต่ปัจจุบันนี้ผมจำได้ทุกเรื่องที่ทำลายครอบครัวของผมเลย ผมชื่อบรูซ อายุ 16 ปี ผมมีพ่อ แม่ และน้องสาวตัวน้อย และผมจำในส่วนนี้ได้ ที่พูดแบบนี้ไปเพราะผมสูญเสียความจำระยะสั้นเนื่องจากการบาดเจ็บที่ศีรษะ และสัปดาห์สุดท้ายของชีวิตผมหายไปจากความทรงจำจนหมดเกลี้ยง เหมือนผมหลับหรือสลบไป และไม่แม้แต่จะจำความเจ็บปวดได้เลย ความทรงจำเหล่านี้เหมือนอยู่ด้านหลังกำแพงที่ผมไม่สามารถทลายเข้าไปได้ สิ่งแรกที่ผมเห็นหลังจากได้รับความบาดเจ็บคือห้องในโรงพยาบาล และพ่อของผมที่นอนอยู่บนเตียงข้างๆ มือของเขาใส่เฝือกและถูกห้อยอยู่กับเครื่องมือแปลกๆ พ่อบอกผมว่านี่เป็นอุบัติเหตุโง่ๆ ที่เกิดขึ้นตอนที่เรากำลังลงบันได ผมลื่นและเผลอดึงแจ็กเก็ตของพ่อโดยไม่ได้ตั้งใจทำให้เราตกบันไดลงมาด้วยกัน พวกเรากลิ้งตกลงมาเป็นความสูงราว 1.8 เมตร โดยที่พ่อมือหักและหัวของผมได้รับการกระแทก นั่นจึงทำให้เรามาอยู่ที่โรงพยาบาลกัน
--- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/support
กระบวนการฟื้นฟูนั้นใช้เวลา ผมพยายามจำทุกอย่างที่เกิดขึ้น แต่ก็ทำไม่ได้ ซึ่งมันทำให้ผมหงุดหงิดมาก อีกทั้ง พ่อก็ยังกวนใจผมด้วยคำถามว่าจำอะไรได้บ้างหรือยัง ดูเหมือนพ่อจะกังวลเรื่องนี้มากกว่าผมเสียอีก บ่ายวันหนึ่ง ผมคิดว่าผมเจอกุญแจที่จะช่วยให้จำทุกอย่างได้ ผู้หญิงแปลกหน้าคนหนึ่งมาหาเรา กล่าวทักทายและนั่งลงข้างๆ พ่อผม พวกเขาคุยกันเงียบๆ ประมาณครึ่งชั่วโมง จากนั้นเธอก็ร่ำลาและกลับไป แต่ประเด็นไม่ได้อยู่ที่ว่าเธอมาทำไม เธอเป็นใครต่างหาก ผมค่อนข้างมั่นใจว่าเคยเห็นเธอมาก่อน บอกไว้เลยนะ แม้ผมจะจำรายละเอียดไม่ได้ว่าเธอเป็นใคร แต่ผมรู้สึกได้ว่าเราเคยเจอกันมาก่อน ผมไม่รอช้าที่จะถามพ่อ และเขาก็ตอบกลับมาว่าเธอเป็นเพียงเพื่อนร่วมงาน เนื่องจากคนที่ทำงานอยากรู้และกังวลเกี่ยวกับอาการของพ่อ จึงส่งเธอมาเยี่ยม อืมม มันฟังดูแปลกมาก เพราะผมไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับเพื่อนร่วมงานของพ่อมาก่อน แต่ผู้หญิงคนนี้ดูเหมือนใครสักคน....มันติดอยู่ในหัวผมเนี่ย
ไม่นานผมก็ได้ออกจากโรงพยาบาล และถึงแม้ร่างกายจะฟื้นฟูได้แล้ว ผมก็ยังจำเรื่องราวสัปดาห์ก่อนที่จะเกิดอุบัติเหตุไม่ได้อยู่ดี ผมหงุดหงิดมาก เอาแต่คิดว่าผมรู้จักผู้หญิงคนนั้นได้อย่างไร? ดังนั้น ผมเลยตัดสินใจไปที่ทำงานของพ่อเพื่อไปหาเธอคนนั้นและคุยกับเธอ ผมคิดว่าถ้าเธอบอกได้ว่าเราพบกันได้อย่างไร ผมน่าจะปะติดปะต่อเรื่องราวในวันที่เกิดเหตุการณ์โชคร้ายนั้นได้ ผมไปที่ทำงานพ่อซึ่งเป็นช่วงพักพอดีซึ่งยามบอกว่าพนักงานมักจะออกไปหาข้าวเที่ยงข้างนอกกินเป็นประจำ ผมตัดสินใจรอใกล้ๆ ทางเข้าและคอยมองหาพ่อของผมจากผู้คนที่กำลังเดินออกมา ในที่สุดผมก็เจอพ่อ และเขาไม่ได้มาคนเดียว เขามาพร้อมกับผู้หญิงคนนั้น ผมอยากที่จะตามทั้งคู่ไป แต่ทันใดนั้นพ่อผมก็จูบเธอและเธอก็จากไป การจูบนี้ไม่ใช่จูบที่แก้มแบบเพื่อนเพื่อบอก “บ๊ายบาย แล้วเจอกันนะ” แต่มันเป็นจูบที่บอกว่า “ผมรักคุณ” งี้พ่อผมก็นอกใจแม่น่ะสิ?Tue, 26 Jan 2021 - 07min - 106 - EP106 : ฉันเห็นเรื่องประหลาดตอนที่อยู่กันตามลำพังในป่าแบบข้ามคืน
สวัสดี ทุกคน! ฉันคือไพเพอร์ เราทุกคนชอบดูภาพยนตร์การผจญภัยที่ตัวเอกจะต้องพยายามฝ่าฟันสถานการณ์อันท้าทายทั้งหลายที่ทั้งเป็นไปได้และเป็นไปไม่ได้. แต่เรื่องแบบนี้ดีเฉพาะเวลานั่งดูระหว่างที่อยู่บนโซฟาและกินป๊อปคอร์นไปด้วยเท่านั้นแหละ ไม่ใช่ว่าเรื่องแบบนั้นจะเกิดขึ้นในชีวิตจริงเสียเมื่อไหร่ และจากประสบการณ์ของฉันก็ช่วยพิสูจน์เรื่องนั้นแล้ว
แม่และพ่อของฉันชอบออกไปตั้งแคมป์กันเสมอ และพวกเขาก็พยายามทำทุกอย่างเท่าที่ทำได้เพื่อให้ฉันและน้องสาวของฉันได้มีส่วนร่วม เราจะออกไปปีนเขาและแบกเป้ไปเที่ยวในสถานที่ใหม่ๆ ในทุกหน้าร้อน ดังนั้นนี่แหละคือจุดที่เรื่องราวของฉันเริ่มต้นขึ้น จุดหมายใหม่ของเราคราวนี้คือ มอนทานา – ไปล่องเรือคายัคในแม่น้ำมิสซูรี! เราทุกคนตื่นเต้นกันมาก!
--- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/supportSat, 23 Jan 2021 - 08min - 105 - EP105 : เพื่อนรักของฉันขโมยเงินทั้งหมดที่เราสะสมไว้สำหรับทำธุรกิจ
อลิเซียกับฉันอยากเริ่มต้นทำธุรกิจด้วยกันมาตลอด เราเคยฝันถึงเรื่องนี้ตั้งแต่ตอนที่ยังเรียนอยู่ชั้นมัธยมต้น พอถึงจุดหนึ่ง เราเลยเริ่มเก็บเงินเพื่อทำตามฝัน เพื่อที่หลังจากเรียนจบจากโรงเรียนและมหาวิทยาลัย เราจะได้มีเงินมากพอที่จะเริ่มต้นทำบางสิ่งบางอย่าง แน่ละว่าเราต้องทำงานจริงๆ เพื่อให้ได้เงินมา และเราก็ทำงานระหว่างช่วงวันหยุดฤดูร้อน หรือบางครั้งคือหลังเลิกเรียน ตอนอายุ 17 ปี ฉันมีงานพิเศษเล็กๆ น้อยๆ หลายอย่าง และเงินทั้งหมดของฉันก็ฝากเข้าบัญชีธนาคารที่ฉันเปิดร่วมกับอลิเซีย เธอทำงานน้อยกว่าฉันนิดหน่อย แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็พยายามอย่างมากเช่นกัน!
--- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/supportFri, 22 Jan 2021 - 07min - 104 - EP104 : ฉันเผชิญหน้ากับเจ้าสาวที่ตั้งท้องของแฟนฉัน เธอบอกความลับทั้งหมดของเขากับฉัน
ไง! ฉันชื่อนอร์มา และฉันอายุสิบเก้าปีแล้ว นี่ผ่านมาเกือบปีแล้วนับตั้งแต่ที่ฉันย้ายออกจากบ้านพ่อแม่ และฉันต้องบอกเลยว่าฉันภูมิใจมากที่ได้ใช้ชีวิตเป็นอิสระ แต่ไม่นานหลังจากนั้น บางอย่างก็เกิดขึ้น และหลังจากเกิดเรื่องนั้น ฉันก็อยากกลับไปอยู่ที่บ้านของพ่อแม่จริง ๆ เรื่องราวของฉันเป็นเรื่องของคนคนหนึ่งที่มีอิทธิพลกับมุมมองที่มีต่อชีวิตของฉันมาก ฉันจะเล่าเรื่องของเอไลจาห์ แฟนหนุ่มของฉันให้พวกคุณฟังนะ
หลังจากฉันเรียนจบชั้นมัธยม ฉันตัดสินใจหยุดพักการเรียนไว้ก่อน ก็อย่างนั้นละ ฉันมาจากเมืองเล็ก ๆ เมืองหนึ่งของรัฐที่เต็มไปด้วยหุบเขา ฉันรักเมืองของฉัน แต่ก็รู้สึกว่าที่นั่นน่าเบื่อเอามาก ๆ ฉันฝันเอาไว้เสมอว่าจะได้ออกไปเห็นโลก อย่างที่โลกภายนอกเป็น และอินเทอร์เน็ตนั้นก็ไม่พอสำหรับฉัน ฉันอยากเดินทางข้ามประเทศ พ่อแม่ของฉันไม่โอเคกับการตัดสินใจนี้นัก แต่พวกเขาก็ไม่คัดค้าน แถมยังให้เงินฉันจำนวนหนึ่งเพื่อเริ่มต้นการเดินทางด้วย แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง ฉันใช้เงินหมดเร็วเกินไป และนั่นก็คือแค่ภายในเดือนแรกของชีวิตอิสระของฉัน ดังนั้นแผนของฉันเลยล่มไม่เป็นท่า – ฉันต้องปักหลักอยู่แถบรอบนอกของลอสแองเจลิส และหางานชั่วคราวทำ ฉันไม่มีเงินกระทั่งจะเช่าอพาร์ทเมนต์เองตามลำพัง ดังนั้นจึงต้องแชร์ค่าห้องกับผู้หญิงคนหนึ่งชื่อ ลอรา เธอเป็นคนน่ารัก และเราก็เข้ากันได้ดีมากเลยและหลังจากนั้นสักพัก เอไลจาห์ก็เข้ามาในชีวิตของฉัน – แบบเดินเข้ามาหาฉันบนถนนในลอสแจงเจลิส ต
อนที่ฉันกำลังเดินกลับบ้านในคืนหนึ่งและเป็นฝ่ายเริ่มต้นสนทนา แน่นอน โดยทั่วไปฉันมักรักษาระยะห่างจากคนแปลกหน้าที่พยายามจะเข้ามาเกาะแกะฉันบนถนน แต่ครั้งนี้มันต่างออกไป บางทีคงเพราะท่าทางของเอไลจาห์ – เขาไม่ได้ดูคุกคาม แล้วยังพูดจาน่าสนใจ เป็นคนสุภาพ และเคารพพื้นที่ส่วนตัวของฉัน บางทีฉันอาจชอบรูปลักษณ์ของเอไลจาห์ก็ได้ - เขาหล่อเหลาและแต่งตัวดี ดังนั้นฉันเลยไม่ได้ลังเลมากนัก เมื่อเขาขอเบอร์โทรศัพท์ของฉัน และไม่นานเราก็เริ่มคบหาดูใจกัน
--- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/supportThu, 21 Jan 2021 - 08min - 103 - EP103 : ผมเลิกกับแฟนสาวจอมประสาทและพ่อผู้ร่ำรวยของเธอมาแก้แค้น
ตลอดที่ผ่านมาผมใช้ชีวิตอยู่กับแม่เป็นส่วนใหญ่ และแม่ก็เป็นคนที่ยอดเยี่ยมตลอดมา. แม่ใช้เวลามากมายไปกับการให้ความช่วยเหลือผู้อื่น ทั้งที่จริงๆ แล้วเราเองก็ยากจนมาก. แม่จะออกไปทำงานการกุศลเสมอ อย่างบ้านพักของคนไร้บ้าน หรือในครัวต้มซุป แล้วผมก็ชื่นชมเธอตลอด. แต่ถึงอย่างนั้น แม่ก็ไม่ใช่คนสมบูรณ์แบบ - แม่เป็นคนหงิมๆ ขี้อายเกินไป เพราะงั้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเลยมีปัญหามากกับการหางานทำ และเราก็ต้องดิ้นรนเรื่องปัญหาการเงินกันหนักมาก
ช่วงเดียวกันนี้เอง ผมพบกับเอมิเลีย เราแทบจะถูกใจกันและกันในทันที และไม่นานก็เริ่มออกไปเดทกัน ตอนแรกเธอเป็นคนที่น่าทึ่ง– อบอุ่นและตลกมาก ทุกอย่างเป็นไปด้วยดีมาก เธอเองก็พาผมไปแนะนำกับครอบครัวของเธอทันที ปรากฏว่าพ่อของเธอเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ เขาชอบผมมาก
--- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/supportWed, 20 Jan 2021 - 07min - 102 - EP102 : มีผู้ชายสี่คนต่อสู้กันเพื่อเอาชนะใจฉัน รู้สึกดีอะไรอย่างนี้!
โอ้ ว่าไง! ฉันชื่อนิโคแล็ตต์ แต่ฉันชอบให้คนเรียกว่านิกกี้มากกว่า คุณชอบพูดคำว่า “ได้” เสมอเลยหรือเปล่า? คุณรู้ไหมว่าทำไมถึงเป็นเรื่องสำคัญมากที่คนเราต้องพูดว่า “ไม่” – อย่างน้อยหลังจากต้องพูดว่าใช่ซ้ำ ๆ หลายครั้ง? อืม ตอนนี้ฉันรู้แล้ว ถึงจะน่าอายมากที่ฉันต้องสารภาพสิ่งที่ฉันทำลงไปต่อหน้าพวกคุณทั้งหมดตอนนี้ก็ตาม ฉันก็ยังรู้สึกว่าฉันต้องเล่าทุกอย่างให้พวกคุณฟัง นี่ก็คือเรื่องราวของฉัน
เมื่อพ่อแม่ของฉัน ซึ่งบังเอิญทำงานที่เดียวกัน ต้องย้ายไปทำงานที่อื่น เราจึงถูกบังคับให้ย้ายไปอยู่ต่างเมือง ฉันรู้เลยว่าชีวิตของฉันจะต้องยุ่งยากมากขึ้น ฉันต้องจากเพื่อนรักและแฟนหนุ่มชื่อนิกที่อยู่ที่นี่ ในเมืองเก่าและโรงเรียนเก่าของฉัน ใช่ ฉันรู้ นี่มันเรื่องน้ำเน่าที่ฟังกันจนเบื่อแล้ว แต่ฉันคิดว่าช่วงเวลานั้นที่เราอยู่ด้วยกันมีความหมายมากจริง ๆ โดยเฉพาะกับข้อเท็จจริงแสนพิเศษที่ว่าเรามีชื่อเหมือนกัน ฮ่าๆๆ เอาเถอะ ฉันต้องย้ายมา และเขายังโศกเศร้าเสียใจมากจนกลายเป็นคนขี้หึงสุดขีด ส่งข้อความถามฉันแทบจะทุกฝีก้าวอยู่ตลอดเวลาว่าฉันทำอะไร ฉันกลัวการเปลี่ยนสภาพแวดล้อมมากจริง ๆ เพราะโรงเรียนมัธยมปลายแห่งใหม่ ฉันยังไม่มีเพื่อนและอะไร ๆ เลย แต่หนึ่งในเพื่อนสาวของฉันที่ชื่อเจสส์ก็ช่วยชีวิตฉันไว้ ครั้งหนึ่งเธอแนะนำฉันให้เพื่อนคนหนึ่งในค่ายดนตรีช่วงฤดูร้อนได้รู้จัก – เขาชื่อร็อดเจอร์ ฉันรู้ว่าเขาอยู่ในเมืองที่ฉันจะย้ายไปเช่นกัน ฉันไม่ใช่ผู้หญิงประเภทที่จะเรียกเด็กผู้ชายด้วยชื่อจริงและขอให้พาออกไปไหนมาไหน แต่ตอนนั้นฉันใช้เวลาอย่างโดดเดี่ยวและติดขัดในเมืองใหญ่ไปสองอาทิตย์แล้ว ฉันเลยต้องตัดสินใจเสี่ยงดู
ฉันจะพูดยังไงดี? ร็อดเจอร์ทำให้ฉันหัวเราะตลอดเวลา และพาฉันไปสถานที่ที่น่าสนใจมากมาย อย่างแกลเลอรี่ศิลปะ และร้านกาแฟที่ฉันได้ลองชิมไอศกรีมที่อร่อยที่สุดตั้งแต่ที่เคยทานมา เขาอายุมากกว่าฉันนิดหน่อยและดูดีมาก ดังนั้นพอถึงจุดหนึ่งฉันเลยพบว่าฉันสนใจเขา หมายความว่า ใช่ ฉันรู้ว่าฉันมีนิก และฉันก็ไม่ได้อยากเลิกกับเขา ระหว่างฉันและร็อดเจอร์ก็เป็นแค่จีบกันเฉย ๆ โดยไม่มีอะไรมากกว่านั้น จนกระทั่งเขาพาฉันไปที่งานปาร์ตี้ครั้งหนึ่ง
--- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/supportTue, 19 Jan 2021 - 08min - 101 - EP101 : พี่สาวของฉันเป็นแม่แท้ ๆ ของฉัน แต่เธอไม่อยากมีฉัน
สวัสดีทุกคน! ฉันชื่อเมอร์ซี่นะและฉันอายุสิบหกขวบ ทุกคนเคยได้ยินคำพูดที่ว่า “ลูกจะต้องรับกรรมที่ไม่ดีของพ่อแม่ตัวเอง” มั้ย? เพราะฉัน... คือเด็กคนนั้น ฉันคิดว่าสาเหตุหลัก ๆ ของปัญหาของฉันคือการที่ฉันไม่สามารถมองแม่แท้ ๆ ของตัวเองเป็นแม่ได้ ถึงแม้ว่าฉันจะรู้จักเธอมาตั้งแต่เกิด และรู้ว่าเธอเป็นแม่แท้ ๆ ของฉันมานานแล้ว – ตั้งแต่ฉันอายุแปดขวบแหนะ ในตอนนั้น คุณพ่อของฉัน เบน บอกว่าจริง ๆ แล้ว แอนนิส พี่สาวของฉันคือแม่แท้ ๆ ของฉัน คุณพระช่วย ตอนนั้นฉันดีใจมาก ๆ เลยล่ะ! แต่เพราะแอนนิสอาศัยอยู่ที่เมืองอื่น พวกเราเลยไม่ค่อยได้เจอกันบ่อยนัก แต่ถึงยังไงฉันก็รอให้เธอมาเยี่ยมอย่างใจจดใจจ่อเหมือนกับรอวันคริสต์มาสเลย! นี่ยังหมายความว่าลูก ๆ ของแอนนิสคือพี่น้องแท้ ๆ ของฉัน และฉันก็ได้ยินมาว่าแอนนิสกำลังจะมีลูกอีกคนในไม่ช้า
แน่นอนว่าในตอนนั้นฉันขอให้พ่อรีบพาฉันไปเจอแอนนิสให้เร็วที่สุด! ในขณะที่ฉันมองออกนอกหน้าต่างรถไฟและรำลึกถึงการพบกับแอนนิสในฐานะแม่ของฉันเป็นครั้งแรก ฉันก็นึกขึ้นได้ว่าจริง ๆ แล้วพ่อของฉันคือปู่ของฉันนี่ มันอาจจะฟังดูประหลาดว่าถึงแม้ตอนนี้ทุกอย่างจะกระจ่างแจ้งแล้วก็ตาม ฉันก็ยอมรับมันได้ยากอยู่ดี ลองนึกดูนะ เบนในตอนนั้นอายุเกินห้าสิบปี เขาอายุมากกว่าพ่อของเพื่อน ๆ ฉันทุกคน การพยายามปรับตัวเข้ากับโลกใบใหม่ในหัวทำให้ฉันสับสนอย่างมาก แต่ความรู้สึกเอิบอิ่มที่รู้ว่าฉันจะได้ไปกอดแม่ของฉันในอีกไม่ช้าคือสิ่งที่สำคัญที่สุด! ฉันว่ามีช่วงเวลาเดียวในชีวิตที่ฉันรู้สึกว่าแอนนิสเป็นแม่ของฉัน คือตอนที่ฉันไปถึงบ้านของเธอ แล้วพูดประโยคง่าย ๆ แบบลิ้นพันกันไปแบบอาย ๆ ว่า “คุณแม่ ช่วยหวีผมให้หนูหน่อย” และในขณะที่แอนนิสกำลังหวีผมให้ฉัน เราก็คุยกันเรื่องลูกในท้องของเธอ นั่นเป็นช่วงเวลาที่ฉันมีความสุขที่สุดเลย เมื่อเวลาผ่านไปหลายเดือนเข้า ฉันก็เริ่มรู้ว่าแอนนิสไม่ได้คิดจะเปลี่ยนชีวิตตัวเอง เบนคนที่ฉันก็เริ่มกลับมาเรียกว่าพ่ออีกครั้งก็พยายามปลอบใจฉัน เขาบอกว่าแอนนิสกำลังมีช่วงเวลาที่ลำบาก นอกจากกำลังรอคลอดแล้ว ลูกคนอื่น ๆ ของเธอก็ต้องการการดูแลจากเธอเหมือนกัน และตอนนี้ก็ไม่ใช่เวลาที่ดีที่จะเปลี่ยนแปลงอะไร แต่เวลาที่เหมาะสมนั้นก็ไม่เคยมาถึงซักที และฉันก็เริ่มกลับมาเรียกแอนนิสว่าพี่สาวอีกครั้ง เบนก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะมันเป็นเรื่องที่ง่ายกว่าสำหรับพวกเราทั้งคู่
สี่ปีผ่านไป จู่ ๆ เบนกับฉันก็ได้ข่าวมาว่าแอนนิสแยกทางกับสามีของเธอ... และทิ้งลูกทั้งสามคนของเธอเอาไว้กับเขา ตอนนั้นฉันอายุสิบสองปีแล้วและเบนก็ไม่ได้เก็บอาการตอนที่เขารู้เรื่องนี้เลยสักนิด แต่ฉันกลับรู้สึก... เต็มไปด้วยความหวัง ถ้าแอนนิสทิ้งพวกเขาไป นั่นก็แปลว่าเธอจะกลับมาหาพวกเรา? มาหาฉัน?!
--- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/supportMon, 18 Jan 2021 - 08min - 100 - EP100 : เศรษฐีต้องการซื้อความรักจากฉัน แต่ฉันไม่ใช่สินค้า
สวัสดี ฉันชื่อเฮลีย์ และนี่คือเรื่องราวการเดทที่ประหลาดที่สุดเท่าที่ฉันเคยมี อันที่จริงมันเป็นเดทแรกของฉันเอง แต่พูดตามตรง ฉันไม่เคยรู้จักใครที่เป็นเหมือนเขามาก่อน ฉันคิดว่านี่มันอาจน่าสนใจสำหรับคุณด้วย ฉันเพิ่งอายุครบสิบหกปีเมื่อสามเดือนก่อน และฉันก็ยังไม่เคยมีแฟน แต่ฉันก็ไม่ได้คิดอะไรมาก จริง ๆ แล้วมีหนุ่ม ๆ หลายคนที่มาชวนฉันออกไปเที่ยวนะ แต่แม้ว่ามันจะไม่มีอะไรผิดปกติ ... แต่พวกเขา.. ไม่รู้สิ ..เวลาที่ฉันคุยกับพวกเขาแล้ว ฉันไม่มีความรู้สึกอะไรเลย มันไม่เห็นจะมีความรู้สึกแบบว่า “สปาร์ค” อย่างที่ใคร ๆ เขาพูดถึงกันและนั่นแหละ ฉันก็เลยไม่อยากที่จะเสียเวลาหรือให้ความหวังใคร แม้ว่าพี่สาวของฉันจะแนะว่าควรเปิดโอกาสให้ใครสักคน แต่ฉันก็ยังมองไม่เห็นใครอยู่ดี
แต่แล้วทุกอย่างก็เปลี่ยนไป เมื่อประมาณสองเดือนที่แล้ว ฉันได้ไปงานเลี้ยงที่บ้านเพื่อนสมัยเด็ก มันเป็นงานวันเกิดเขา และพ่อแม่เขาก็ไม่ว่าอะไรที่จะจัดงานปาร์ตี้ในขณะที่ไปทำธุระนอกเมือง ในวันนั้นที่ฉันอยู่ในงานมีผู้ชายคนหนึ่งคอยแอบมองฉันอยู่แทบตลอดเวลา เขาอายุรุ่นราวคราวเดียวกับฉัน และดูขี้อายมาก เขาไม่กล้าเข้ามาคุยกับฉัน แต่ยังไงงานปาร์ตี้ก็ค่อนข้างน่าเบื่ออยู่แล้วฉันเลยคิดหาอะไรทำสนุก ๆ และกำลังคิดว่า...จะเป็นไปได้มั้ยที่จะทำให้เขากล้าพูดกับฉันในที่สุด? และน่าจะประมาณครึ่งชั่วโมงหลังจากที่ฉันเห็นเขา เขาก็เดินเข้ามาแนะนำตัว เขามีชื่อว่าจิม และเป็นเพื่อนของเพื่อนร่วมชั้นของฉันเอง ขณะที่เราพูดคุยกัน เขายังคงเขินอายตลอดเวลา แต่..นั่นมันทำให้ฉันพบว่าเขาน่ารักมาก ฉันรู้สึกถึงอะไรบางอย่างแบบว่า..ฉันชอบเขา สองสามวันหลังจากนั้น เขาก็ส่งข้อความมาหาและชวนฉันออกไปเที่ยว และนี่เป็นครั้งแรกที่ฉันตอบตกลง
เขาไม่ได้บอกว่าเราจะไปทำอะไรกัน แต่ฉันคิดว่ามันก็คงจะเหมือนการเดททั่ว ๆ ไป อย่างออกไปเดินเล่น และแวะทานอาหารกลางวันหรือดื่มกาแฟกันอะไรทำนองนั้น.. จริง ๆ แล้วฉันก็ไม่ได้คาดหวังอะไรเป็นพิเศษ ฉันเพียงแค่อยากทำความรู้จักกับเขามากขึ้นเท่านั้น แบบนี้เรียกว่าคาดหวังเกินไปหรือเปล่า? โอเค ตอนนี้ฉันควรจะเล่าให้คุณฟังก่อนว่า ครอบครัวของฉันไม่ได้ร่ำรวยอะไร คุณคงจะเข้าใจทีหลังว่าทำไมฉันถึงพูดเรื่องนี้ ปกติแล้วฉันมีชุดเก่งอยู่ชุดนึง ฉันรักมันมากจริง ๆ และรู้สึกดีทุกครั้งเวลาใส่มันแต่มันอาจจะดูแปลก ๆ และดูบ้าน ๆ ไปหน่อย คือ...แบบว่า มันไม่เหมาะสำหรับวันนั้นเอาซะเลย
--- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/supportMon, 18 Jan 2021 - 07min - 99 - EP99 : ผมพบพ่อที่เสียชีวิตไปแล้วที่ริมถนน พวกเขาโกหกผม!
ไงทุกคน ผมชื่อริชาร์ด ผมอายุ 17 ปี ปีที่ผ่านมานี้ผมมีเรื่องให้เครียดมากมาย ผมกำลังจะเรียนจบชั้นมัธยมปลาย เข้าเรียนต่อระดับมหาวิทยาลัย และเตรียมจะย้ายไปเมืองอื่น และเท่านั้นยังไม่พอ ไม่นานมานี้เรื่องที่บ้าบอที่สุดเรื่องหนึ่งก็เพิ่งเกิดกับตัวผม - นั่นคือผมเห็นวิญญาณของพ่อที่เสียชีวิตไปแล้ว ผมจำเรื่องที่เกี่ยวกับเขาได้ไม่มากนัก เมื่อผมอายุ 5 ขวบ เราขับรถกลับบ้าน พ่อคุมรถไม่อยู่ และเราก็เกิดอุบัติเหตุ มีแค่แม่และผมเท่านั้นที่รอดชีวิต ดังนั้นแทนที่ผมจะได้มีความทรงจำที่สนุกสนานเกี่ยวกับพ่อในวัยเด็ก ผมจึงมีเพียงรูปถ่ายครอบครัวไม่กี่ใบ โอ บ่อยครั้งผมจินตนาการไปว่า ชีวิตผมจะเป็นอย่างไรถ้าเขายังอยู่! ในความคิดของผม พ่อเป็นพ่อที่ยอดเยี่ยม - เอาใจใส่และเข้มแข็ง แต่น่าเสียใจที่คนเราไม่อาจเปลี่ยนแปลงอดีตได้
วันที่เรื่องนั้นเกิดขึ้นครั้งแรก ผมกำลังเดินกลับจากโรงเรียนกับพวกเพื่อน ๆ และผมก็เห็นผู้ชายแปลกหน้าคนหนึ่งยืนอยู่ตรงป้ายรถเมล์ แน่นอนว่าเขากำลังจ้องมองเราอยู่ แต่หลังจากชั่วพริบตานั้นรถเมล์ก็มาถึง บดบังสายตาของผมจากเขาไปแล้วผมก็คิดว่าผมคงคิดไปเอง เขาสวมเสื้อแจ็คเก็ตและหมวกแก๊ปเหมือนที่พ่อผมเคยสวมในรูปใบหนึ่ง แต่แล้วเรื่องแบบนั้นก็เกิดขึ้นอีก ไม่กี่วันให้หลังขณะที่ผมกำลังมองออกไปนอกหน้าต่างในห้องเรียน ผมก็เห็นเขา และนั่นก็คือตอนที่ผมได้เห็นใบหน้าของเขา - คนคนนั้นคือพ่อของผม! ผมรีบวิ่งออกไปนอกห้องเรียน แต่เมื่อผมออกไปข้างนอก ตรงนั้นก็ไม่มีใครยืนอยู่ เขาไปไหนแล้ว? ผมพลาดไปได้อย่างไร? ไม่รู้เลย แต่ความคิดผมแล่นผ่านไปมาอย่างรวดเร็ว และยังมีความคิดเป็นล้าน ๆ อย่างในนั้น พ่อผมยังมีชีวิตอยู่เหรอ? ทำไมพ่อถึงหลบหน้าผมล่ะ? แม่รู้เรื่องนี้หรือเปล่า หรือแม่กำลังปิดบังอะไรบางอย่างจากผม? ผมก็ไม่รู้อีกนั่นแหละ ผมจำตอนที่อยู่โรงพยาบาลกับแม่ได้ และจำตอนที่หมอมาตรวจเราได้เหมือนกัน แต่ผมไม่เห็นพ่อที่โรงพยาบาล แล้วจากนั้นผมก็จำได้ว่ามีงานศพ หรือรายละเอียดสำคัญอีกอย่างคือ – เห็นโลงศพที่ถูกปิดลง และไม่เห็นพ่อผมเลย คุณรู้ไหม ผมไม่ได้ตื่นตระหนกเลย แต่เรื่องนี้ทำให้ผมเกิดสงสัยขึ้นมา
ในตอนค่ำ ผมตัดสินใจถามเรื่องนี้กับแม่ แต่ไม่ใช่ถามออกไปโต้ง ๆ หรอกนะ ผมเริ่มหว่านล้อมก่อนโดยเริ่มจาก บอกแม่ว่าผมคิดถึงพ่อของผม และผมจำเรื่องของพ่อไม่ได้มากนัก แม่ของผมเริ่มเล่าเรื่องราวต่าง ๆ เกี่ยวกับพ่อ และเล่าว่าพวกเขาพบกันได้อย่างไร แต่งงานกันได้อย่าไงร แล้วเมื่อเราคุยกันถึงอุบัติเหตุคราวนั้น ผมบอกว่า “แม่รู้ไหม บางครั้งผมก็เห็นคนที่ดูเหมือนพ่อเลย หรือไม่ก็แค่สวมชุดแบบเดียวกัน และก็ทำให้ผมยิ่งคิดถึงพ่อมาก แบบนี้แทบจะเหมือนพ่อยังอยู่กับเราอยู่เลย” แต่ถ้อยคำเหล่านี้กลับทำลายบรรยากาศของการหวนรำลึกถึงอดีตไป แม่ของผมเริ่มดูวิตกกังวล และเริ่มถามโน่นนี่เกี่ยวกับผมถึงคนที่ผมเห็น แม่ดูกังวลอย่างเห็นได้ชัด และยังพยายามจะปิดบังความกังวลนั้น แม่บอกว่า “แม่แค่ห่วงลูกน่ะ เรื่องเศร้าในวัยเด็กแบบนั้น ลูกก็รู้...” ใช่ เรื่องเศร้า แน่ละว่าผมเข้าใจว่าในบทสนทนาของเรานี้ยังมีความลับปิดบังไว้ และแม่จะไม่บอกผมแน่
--- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/supportSat, 16 Jan 2021 - 07min - 98 - EP98 : แม่ของผมติดเกม ชีวิตของเราจึงมีแต่ความยุ่งเหยิง!
ไง ทุกคน! คุณรู้ไหม คนชอบบอกกันว่า เด็ก ๆ ไม่ควรเล่นวิดีโอเกมให้มาก เพราะจะทำให้ติดได้ และผมก็ไม่เคยเชื่อเลย จนกระทั่งแม่ของผมกลายเป็นคนติดเกม ผมชื่อเจอร์รี่ ผมอายุ 12 ปี และชอบการเล่นเกมบนโทรศัพท์มือถือมาก ผมชอบเกมแนววางแผนเกมหนึ่งสุด ๆ ผมสร้างเมืองของตัวเอง ทำสงครามกับผู้เล่นคนอื่น ๆ และยังสร้างกลุ่มพันธมิตรกับคนอื่นด้วย โอเค ผมรู้ว่าผมใช้เวลากับการเล่นเกมมากเกินไป แต่ไม่งั้นจะให้ผมทำอะไรล่ะ?
ผมไม่ใช่คนเด่นดังที่โรงเรียน และผมก็ไม่มีเพื่อนมากนัก ดังนั้นโดยทั่วไปผมจึงใช้เวลาทั้งวันไปกับการเล่นเกม รวมถึงเวลาอยู่ในห้องเรียนด้วย และนั่นก็คือเหตุผลหลักที่โรงเรียนโทรเรียกแม่ของผมมาพบถึงที่ โอ้ พระเจ้า ผมกลัวมากจริง ๆ ว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้น แม่ผมทำงานหนักมาก และแม่ก็ต้องหาเวลาเพื่อปลีกตัวมาโรงเรียน ดังนั้นผมเลยรอว่าจะต้องเจอบทลงโทษครั้งใหญ่ ครูของผมบอกแม่ว่า ความติดเกมของผมพัฒนาไปอีกขั้นแล้ว และนั่นจึงทำให้แม่จำเป็นจะต้องมีมาตรการอะไรสักอย่างอย่างเร่งด่วน แต่ผมก็ต้องประหลาดใจ ที่แม่ไม่ได้ตะคอกดุด่าผมเลย แม่รู้ว่าผมเหงา และไม่ได้ติดใจอะไรกับการที่ผมจะหาความสนุกในบางครั้ง แต่แน่ล่ะ เราต้องมีข้อจำกัด ผมจะต้องไม่เล่นเกมในห้องเรียน และต้องทำผลการเรียนให้ดีขึ้น ผมยังคงชื่นชมแม่มากกับวิธีที่แม่ปฏิบัติต่อผม ไม่กี่สัปดาห์ถัดมา ตอนนั้นเกมที่ผมเล่นมีข้อเสนอพิเศษมาให้ - คือให้ชวนเพื่อนมาเล่นแล้วจะได้อัญมณีสิบชิ้น สิบเลยนะ! คุณนึกภาพออกไหม? ในที่สุดผมก็จะเอาไปพัฒนาอาคารประจำเมืองได้แล้ว! โอเค นั่นอาจไม่มีความหมายอะไรเลยสำหรับคุณ งั้นเอาเป็นว่า – มันมากมายทีเดียวก็แล้วกัน! แต่เรื่องก็คือผมไม่มีเพื่อนที่จะชวนมาเล่นด้วยได้ ดังนั้นผมเลยรอจนถึงตอนค่ำ เมื่อแม่กลับจากที่ทำงานแล้วมาถึงบ้าน หยิบโทรศัพท์แม่มา และติดตั้งเกม ตอนทานมื้อเย็น แม่ของผมสังเกตเห็นว่าบนโทรศัพท์มีเครื่องหมายกะพริบอยู่ – เกมส่งการแจ้งเตือนเข้ามา ผมอับอายนิดหน่อย แต่ก็บอกแม่ว่าผมติดตั้งเกมบนโทรศัพท์แม่เพราะอยากได้โบนัส และผมก็เตรียมตัวจะฟังคำเทศนากับเรื่องที่ว่า คุณไม่ควรแตะต้องสิ่งของของคนอื่นอยู่แล้ว แต่การสนทนาของเราไม่ได้เป็นไปตามที่ผมคาดหมาย - แม่ของผมดูสนอกสนใจขึ้นมานิดหน่อย แม่เริ่มถามผมเกี่ยวกับเกมนี้ ผมคิดว่าแม่คงเริ่มสนใจในตัวผม สิ่งที่ผมทำ และนั่นก็ทำให้ผมมีความสุขมาก
ไม่กี่วันต่อมา ผมนั่งอยู่ในชั้นเรียน แล้วก็ยังเป็นช่วงเวลาที่น่าเบื่อมาก แต่ผมก็พยายามอย่างดีที่สุดเพื่อเรียนวิชาเคมี ไม่ว่าผมจะคิดว่าวิชานี้งี่เง่าขนาดไหนก็ตาม! มันยากที่จะตั้งสมาธิกับการเรียน เพราะโทรศัพท์ในกระเป๋าของผมสั่นอยู่ตลอดเวลาผมรู้ว่าต้องเป็นเกมแน่ และผมก็พยายามที่จะไม่สนใจ ผมให้สัญญาเอาไว้แล้วนี่ ก็อย่างที่คุณรู้ แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งความอดทนของผมก็หมดลง ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูและเห็นข้อความจำนวนหนึ่งจากเกม และทั้งหมดนั้นมาจากแม่ของผมเอง! แม่ขอทรัพยากรในเกมบางอย่างกับผม ฮ่า ๆ! ผมส่งข้อความหาแม่ “ผมไม่คิดเลยนะว่าแม่จะอยากเล่นเกมนี้” แม่ตอบกลับมาว่า “บางครั้งนี่ก็เป็นวิธีที่น่าสนใจที่สุดในการฆ่าเวลาเล็ก ๆ น้อย ๆ” และหลังจากหยุดไปพักหนึ่ง “แล้วของที่แม่ขอไปล่ะอยู่ไหน?!” ว้าว ผมดีใจมากเลยที่แม่ของผมเล่นเกมเดียวกัน! ไม่อยากเชื่อสุด ๆ แต่เราก็เริ่มคุยกันมากขึ้น ต้องขอบคุณเกมนี้เลย! เจ๋งสุดยอด!
--- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/supportFri, 15 Jan 2021 - 07min - 97 - EP97 : แม่ของเพื่อนผมเริ่มส่งข้อความบอกรักให้ผม
ไง ทุกคน! ผมชื่อเซบาสเตียน และผมอายุสิบเจ็ดปีแล้ว ผมมีคำถามที่ฟังดูแปลก ๆ อยากถามพวกคุณ – บอกผมหน่อยสิว่า พวกคุณเข้ากับแม่ของเพื่อนรักคุณได้ดีขนาดไหน? และจะว่าไงถ้าผมกำลังพูดถึงแม่ของเพื่อนคุณที่ไม่ได้สนิทมากขนาดนั้น หรือเป็นแค่คนรู้จักทั่วไป? พวกเขาเชิญคุณไปทานมื้อค่ำที่พวกเขาทำเองไหม? คุณคุยเรื่องต่าง ๆ เกี่ยวกับตัวคุณและชีวิตคุณกับพวกเขาไหม? และคำถามสุดท้าย – พวกคุณสักคนมีใครเคยแอบติดต่อกับแม่ของเพื่อนคุณลับ ๆ หรือเปล่า? เพราะแน่นอนว่านั่นคือเรื่องราวที่ผมกำลังจะเล่า และเรื่องที่ว่าก็คือ ผมเริ่มจะคิดแล้วว่า แม่ของเพื่อนผมกำลังตกหลุมรักผม
ไม่นานมานี้ ผู้ชายที่ชื่อว่าจอห์นย้ายมาเรียนที่โรงเรียนของผม ผมเห็นเขาในโถงทางเดินของโรงเรียนหลายครั้ง แต่เราไม่ได้รู้จักกันมากนัก จนกระทั่งจอห์นมาอยู่ในทีมเบสบอลของโรงเรียนเรา ผมเป็นส่วนหนึ่งของทีมมานานสองปีแล้ว ผมคิดจริงจังเลยว่าอนาคตจะทำอาชีพที่เกี่ยวข้องกับกีฬา และผมยังกล้าเรียกตัวเองด้วยว่าเป็นแฟนเบสบอลมืออาชีพ แล้วเท่าที่ผมรู้ จอห์นก็รักเบสบอลเช่นกัน หลังจากการฝึกซ้อมรอบหนึ่งของเรา จอห์นจึงชวนผมให้แวะไปที่บ้าน แล้วไปดูของที่ระลึกทั้งหมดที่เกี่ยวกับกีฬาของเขา – จอห์นมีลูกเบสบอลที่มีลายเซ็นของโรเจอร์ เคลเมนส์อยู่ด้วย แน่ละว่านี่ฟังดูน่าสนใจสุดๆ ไปเลย ผมจึงตอบตกลง เมื่อผมไปถึงที่บ้านของจอห์น แม่ของเขา คุณนายโกลเวอร์ก็อยู่ที่นั่นด้วย เธอเป็นคนที่ดูอ่อนเยาว์ รูปร่างดี และยังเป็นแม่บ้านที่อายุราวสี่สิบห้าปี เธอกำลังง่วนอยู่กับการทำอะไรบางอย่างในครัว ดังนั้นเราจึงคิดจะทักทายเธอผ่าน ๆ แล้วเข้าไปในห้องของจอห์นอย่างรวดเร็ว แต่การพบกันของเราใช้เวลานานกว่าแค่ไม่กี่เสี้ยววินาทีเพื่อที่จะต้องพูดทักทาย เมื่อเราโผล่เข้าไปในห้องครัว และคุณนายโกลเวอร์หันกลับมาเมื่อได้ยินเสียงของเรา ใบหน้าของเธอเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว และถ้วยกาแฟใบใหญ่ที่เธอถืออยู่ก็หลุดมือหล่นลงพื้นอย่างกะทันหัน เธอดูจะไม่รู้สึกตัวเลยว่าเกิดอะไรขึ้น – หลายวินาทีผ่านไป เธอแค่จ้องหน้าผมอยู่อย่างนั้น. ผมรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย แต่ผมไม่มีเวลาจะทำอะไรมาก – คุณนายโกลเวอร์กล่าวขอโทษและเริ่มเช็ดพื้น ขณะที่จอห์นและผมไปที่ห้องของจอห์น
แต่ไม่นานเกินสิบห้านาทีให้หลัง เธอก็ปรากฎตัวอีกครั้ง เธอเคาะประตูห้องนอนของจอห์น แต่ไม่ได้รอคำตอบและเข้ามาพร้อมถาดใบใหญ่ที่มีแซนด์วิชและน้ำมะเขือเทศ เหมือนเธอตัดสินใจเอาเองว่าเราคงจะหิวแล้วหรืออะไรสักอย่าง นี่มันแปลกสุดๆ – ผมเพิ่งเคยมาที่บ้านจอห์นเป็นครั้งแรก เราไม่ใช่เพื่อนรักกัน และผมก็แค่มาแวะมาแปบเดียวเพื่อดูลูกเบสบอล แล้วทำไมเธอจึงต้องให้สนใจเรามากขนาดนี้ด้วย? แล้วอะไร ๆ ก็ยิ่งน่ากระอักกระอ่วนมากขึ้นอีก
--- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/supportThu, 14 Jan 2021 - 07min - 96 - EP96 : พ่อผมให้ผมนอนริมถนนราวกับคนคนจรจัด
โอ้ ไงทุกคน! ผมชื่ออเล็กซ์ และผมอายุ 14 ปี ผมอยากบอกพวกคุณเกี่ยวกับเหตุการณ์ช่วงหนึ่งที่เปลี่ยนชีวิตของผมไปโดยสิ้นเชิง เรื่องทั้งหมดเริ่มขึ้นเมื่อหลายปีก่อน เมื่อพ่อแม่ของผมหย่ากัน และแม่ผมบอกว่า หลังจากนี้พ่อผมจะไม่มีสิทธิ์ได้พบผมอีกต่อไป
ผมต้องบอกก่อนว่า ผมคาดหวังมาตลอดว่าเรื่องทำนองนี้จะเกิดขึ้น พ่อแม่ของผมทะเลาะกันตลอดเวลา ที่จริง พวกเขาก็ทะเลาะกันมานานตั้งแต่ผมจำความได้แล้ว แล้วสำหรับผม พวกเขามักทำตัวแบบตำรวจดีตำรวจเลวเสมอ แม่ผมจะตะคอกดุด่าว่าผมด้วยเรื่องอะไรสักอย่าง จากนั้นพ่อผมก็จะซื้อไอศกรีมให้ และทำให้ผมใจเย็นลง แต่ระหว่างที่พวกเขาทะเลาะกันครั้งสุดท้าย แม่บอกว่าแม่จะยึดสิทธิ์การเลี้ยงดูของผมไปจากพ่อ และยังห้ามไม่ให้เขาได้พบผมอีกเลย สิ่งที่เลวร้ายที่สุดก็คือแม่ทำแบบนั้นไปแล้วจริง ๆ พ่อผมไม่มีหน้าที่การงานมั่นคง และยังไม่มีบ้านให้อยู่หลังจากหย่าร้าง ดังนั้นแน่นอนที่สุดว่าศาลต้องริบสิทธิ์การเลี้ยงดูผมไปจากเขา วันถัดมา พ่อผมมารับผมที่โรงเรียน และบอกว่าเราต้องคุยกัน พ่อบอกผมว่า ผมมีสิทธิ์ที่จะเลือกว่าผมอยากอยู่กับใคร จากนั้นเสนอว่า ผมมีโอกาสไปอยู่เมืองอื่นกับพ่อ และเริ่มต้นชีวิตใหม่ แน่ละว่าผมตอบตกลง! ตอนนั้นแม่ของผมคือปีศาจร้ายที่ต้องการจะเอาพ่อไปจากผม ดังนั้นเราจึงเก็บข้าวของทั้งหมดที่จำเป็น และเตรียมตัวจะออกไปอยู่แล้ว ในตอนที่ผมถามเขาว่า “เราไม่ควรบอกแม่หรือว่าเรากำลังจะไปแล้ว?” แต่พ่อรับรองว่าเขาคุยกับแม่เรียบร้อยแล้ว นั่นแหละคือตอนที่ผมได้บอกลาบ้านเกิดของผม
ระหว่างที่เราขับรถกันไปตามถนนใหญ่ พ่อบอกผมว่าเราจะทำอะไรบ้าง เขาบอกว่าเราจะไปอยู่ที่บ้านของเพื่อนพ่อนานสัปดาห์หนึ่ง จนกว่าเขาจะหางานได้ จากนั้นเราก็จะเช่าอพาร์ทเมนต์ หาโรงเรียนให้ผม แล้วจากนั้นเราถึงจะไปจัดการเรื่องการหย่าและสิทธิ์การเลี้ยงดูอะไรนั่น ฟังดูเป็นแผนที่ดี พ่อดูกระตือรือร้นและกระวนกระวาย และความกระตือรือร้นของเขาก็ส่งผ่านมาถึงผมด้วย ผมคิดว่าเราคงอยู่ได้ ดังนั้นจึงหลับตาและผล็อยหลับไป เตรียมพร้อมที่จะพบเจอสิ่งใหม่ๆ ในชีวิต
--- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/supportTue, 12 Jan 2021 - 07min - 95 - EP95 : ครอบครัวของผมติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้ที่บ้าน เราต้องตกใจกับสิ่งที่ได้เห็น
ไงทุกคน! ผมชื่อทิมและนี่คือเรื่องราวของผมเอง จริง ๆ แล้วผมคิดว่ามันก็ตลกดีนะ โอเค มันเริ่มขึ้นตอนที่เราย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านใหม่ พวกเราได้ประกาศสงครามกับเพื่อนบ้าน แบบที่ผมคิดว่ามันคงไม่มีวันจบลงง่าย ๆ แต่ใจจริงแล้วผมก็ไม่ได้อยากให้มันจบหรอก! เพราะว่ามันทำให้ผมมีความสุขมาก ๆ เลย! มันไม่ใช่สงครามอะไรจริงจังแบบนั้น แต่เราแค่เล่นกวนกันไปกวนกันมาเฉย ๆ เพื่อนบ้านของเราเป็นเพื่อนที่ดีที่สุด ลูกชายของพวกเขา – ไมค์ก็เป็นเพื่อนร่วมชั้นของผม และพ่อแม่ของพวกเราก็เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยมัธยมและเคยเล่นสนุกด้วยกันมาตลอด และตอนนี้การเล่นแกล้งกันของพวกเราก็ได้มาถึงรูปแบบใหม่แล้ว และพวกเราทุกคนก็ร่วมมือกันทั้งครอบครัว
ยกตัวอย่างเช่น ล่าสุดผมได้ซื้อมือปลอมมาจากร้านขายของเล่นตลก พวกเราทามันด้วยซอสมะเขือเทศเสร็จแล้วก็ขว้างไปให้สุนัขของเพื่อนบ้านเรา ลองคิดดูสิว่าพวกเขาพากันกรีดร้องดังแค่ไหนตอนที่เห็นมันวิ่งคาบเอาไปให้พวกเขาที่บ้าน! แน่นอนว่าวันถัดไปพวกเขาจะต้องแกล้งเราคืน ขณะที่เรากำลังนั่งดูหนังกันอยู่ในห้องนั่งเล่น จู่ ๆ ก็มีเสียงประทัดแตกดังขึ้นมาจากปล่องไฟ พวกเราตกใจกันมาก และวิ่งออกจากบ้านกันกระเจิงไปเลย จากนั้นพวกเราก็เห็นว่าไมค์และพ่อแม่ของเขากำลังยืนหัวเราะกันอยู่ ใช่แล้ว นี่มันเป็นการแกล้งกันโดยที่พวกเขาใช้โดรนบินนำประทัดมาหย่อนลงมาที่ปล่องไฟของเรา คุณนึกภาพออกมั้ย? นี่มันเจ๋งสุด ๆ ไปเลย! และโดยปกติแล้วหลังจากที่แกล้งกันเสร็จ พวกเราก็มักจะไปปิกนิคหรือมีปาร์ตี้เพื่อสนุกและผ่อนคลายด้วยกัน สิ่งเหล่านี้มันทำให้พวกเราเป็นเหมือนกับครอบครัวใหญ่
แต่ว่าเมื่อสองสามวันที่ผ่านมา การเล่นแกล้งกันนี้มันเริ่มล้ำเส้นเกินไป และมันก็ไม่ตลกเอาซะเลย
--- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/supportSun, 10 Jan 2021 - 07min - 94 - EP94 : เพื่อนเก่าของฉันกลายเป็นคนหล่อเหลา ส่วนฉันยังคงอวบและมีความรัก
สวัสดีเพื่อนๆ! ฉันชื่อรีส อายุ 16 ปี ฉันอยากจะแบ่งปันเรื่องราวของความอับอายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่ฉันเคยประสบในชีวิตให้พวกคุณฟัง สิ่งแรกที่คุณต้องรู้เกี่ยวกับฉันก็คือ ในตอนที่ฉันอายุครบ 14 ปี ฉันสังเกตเห็นว่าเพื่อนผู้หญิงทุกคนเริ่มออกไปเดทกับเพื่อนผู้ชายในขณะที่ฉันดูจะไม่สามารถดึงดูดความสนใจของใครได้เลย ฉันแน่ใจมากว่าทั้งหมดนี้เป็นเพราะรูปลักษณ์ของฉันเอง อย่างที่คุณเห็น ฉันเป็นสาวร่างผอมเพรียวมาเสมอ แต่ระหว่างที่ฉันกำลังโต และเมื่อถึงช่วงอายุหนึ่ง เนื่องจากเพราะ “ฮอร์โมนไม่รักดี” บางอย่าง ตามที่แม่ของฉันเรียก ฉันน้ำหนักขึ้นถึง 9 กิโล หรืออาจมากกว่านั้นอีกนิดหน่อย ฉันพยายามซ่อนน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นอย่างมากไว้ใต้เสื้อผ้าขนาดใหญ่พิเศษ และบอกให้ตัวเองลดน้ำหนัก แต่ฉันก็ทำอะไรไม่ได้เลยในช่วงที่ฤดูร้อนเพิ่งเริ่มต้น
ฉันไปที่บ้านริมชายหาดของตายายเพื่อพักผ่อนช่วงหน้าร้อน และวางแผนจะอยู่ที่นั่นราว 6 สัปดาห์ ฉันไม่ได้ไปที่นั่นมานานหลายปีแล้ว ถึงตอนที่ฉันยังเป็นแค่เด็กหญิงตัวน้อย ฉันจะใช้เวลาตลอดฤดูร้อนที่นั่นเพื่อเล่นกับเด็กๆ ในละแวกนั้นก็ตาม เขาชื่ออาร์ชี่ และเขาก็อายุมากกว่าฉันสองปี เท่าที่ฉันจำได้นะ แต่เขาดูตัวเล็กและอ่อนแอกว่านั้น ดังนั้นครั้งนี้ฉันเลยแน่ใจว่าฉันไม่ต้องเขินอายอะไรกับการสวมชุดว่ายน้ำตอนน้ำหนักเพิ่มขึ้น แล้วนั่งอยู่ข้างๆ อาร์ชี้ “เด็กเนิร์ด” ที่ห่างไกลจากคำว่าเพอร์เฟ็กต์นัก วันหนึ่งฉันตัดสินใจออกไปเดินดูรอบๆ ว่าเมืองเปลี่ยนแปลงไปขนาดไหนแล้วนับตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่ฉันมา ฉันเดินเล่นไปพร้อมซันแดนซ์ หมาลาบราดอร์ของเรา แล้วทันใดนั้นเขาก็สลัดตัวออกจากสายจูงและวิ่งเข้าไปในสวนหลังบ้านของใครบางคน ฉันตกใจมากและไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร ดังนั้นเลยวิ่งตามซันแดนซ์ไป พยายามจับกลับมาให้ได้โดยไม่ได้รอขออนุญาตเจ้าของบ้าน
กลายเป็นว่ามีผู้ชายคนหนึ่ง - ซึ่งหน้าตาหล่อเหลามากจริงๆ – ยืนอยู่ตรงนั้นและจับหมาของฉันเอาไว้ได้แล้ว เขารู้จักซันแดนซ์ด้วย ฉันหมายถึงซันแดนซ์ดูจะคุ้นเคยกับผู้ชายคนนี้ดี แล้วเขาก็คุ้นเคยกับมันด้วยเช่นกัน เพียงแค่หลังจากกล่าวคำขอบคุณและขอโทษอีกหลายคำ ในที่สุดอะไรๆ ก็กระจ่างขึ้นมา นี่คือเขาน่ะเอง - อาร์ชี่
--- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/supportFri, 08 Jan 2021 - 08min - 93 - EP93 : แม่อยากให้ฉันช่วยปกปิดชีวิตสองหน้าของแม่ แต่ฉันกลับทรยศ!
ไง ทุกคน! ฉันชื่อลีอา ฉันอยากบอกพวกคุณว่า ฉันเพิ่งได้เรียนรู้ว่า อย่าได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ของผู้อื่น ฉันทำให้อะไร ๆ ยุ่งเหยิง และยังรู้สึกแย่กับสิ่งที่เกิดขึ้นด้วย ฉันและแม่ของฉันที่ชื่อลิซ่า อยู่กันเองตามลำพังโดยไม่มีพ่อฉันมาสามปีแล้วเขาทิ้งเราไปเพราะตกหลุมรักผู้หญิงคนอื่น แต่นั่นเป็นอีกเรื่อง ดังนั้นแม่ฉันจึงยังไม่เคยมีใครเลยนับตั้งแต่เรื่องพ่อ ฉันคิดว่าบางทีแม่คงจะกลัวการเริ่มต้นใหม่ อย่างที่บอก....เพราะพ่อนอกใจแม่ แต่ภายในเวลาไม่กี่เดือนฉันจะต้องไปเรียนมหาวิทยาลัยแล้ว และไม่อยากทิ้งให้เธออยู่คนเดียว ผู้หญิงอายุ 40 ปีที่อาศัยอยู่ตามลำพังในบ้านกับแมวอีกตัวเนี่ยนะ? นั่นมันน่าเศร้าสุด ๆ ไปเลย ฉันก็เลยคิดแผนการอย่างหนึ่งขึ้นมา
ฉันสร้างโปรไฟล์บนทินเดอร์ซึ่งเป็นเว็บจับคู่ให้แม่ และเริ่มมองหาผู้ที่เหมาะสม หลังจากได้ไลค์มาจำนวนหนึ่ง ฉันก็เลือกคนที่เหมาะมาก ๆ คนหนึ่งมา - เควิน อายุ 42 ปี โสด ฉันแชทคุยกับเขาสักพักหนึ่ง และไม่นานเขาก็ชวนฉันไปเดท! อืม พูดให้ตรงกว่านั้นคือ เขาชวนแม่ของฉันไปเดท โอเค! สิ่งที่ฉันต้องทำหลังจากนี้ก็คือคุยกับแม่ให้ทำตาม แม่ฉันเป็นคนสุภาพอ่อนโยนเสมอมา – ฉันรู้ว่าถ้าฉันพูดไปว่าแม่ควรไปเดทกับผู้ชายแปลกหน้า แม่จะต้องไม่ตกลง ฉันก็เลยตัดสินใจบังคับแม่เสียเลย ฉันเดินเข้าไปในห้องของแม่ และบอกว่า: “แม่คะ หนูจัดการนัดเดทให้แม่แล้ว เป็นวันพรุ่งนี้นะ เพราะงั้นเราต้องเตรียมตัวกันล่ะ!” พูดกันตามตรงคือแม่ช็อกมาก แต่วิธีนี้ก็ได้ผล! สิ่งแรกที่แม่ถามฉันไม่ใช่เรื่องเดท แต่ถามว่าแม่ควรใส่ชุดไหนไป เห็นหรือยัง? นี่เป็นยุทธวิธีที่ดี – ทำให้ข้าศึกสับสน จากนั้นค่อยโจมตี! วันต่อมาแม่ก็เริ่มลังเล แต่ฉันให้คำมั่นว่าแม่แค่คิดมากไปเอง และทุกสิ่งทุกอย่างจะต้องออกมาดี
จากนั้นตอนค่ำก็มาถึง แม่ของฉันดูเหมือนราชินีเลย สวมชุดสีดำดูดี แต่งหน้าแบบจัดเต็ม ผู้ชายคนนี้ต้องเสร็จแน่! ไม่นานเควินก็มาถึง และพวกเขาก็ออกไปเดทกัน ฉันตื่นเต้นสุด ๆ ไปเลย! บางทีอาจจะตื่นเต้นกว่าแม่ฉันเองอีก! ฉันหวังว่าทุกอย่างจะเป็นไปอย่างราบรื่น หลังจากนั้นสักพัก ฉันก็ตระหนักขึ้นมาว่าแม่ฉันไปนานเกินไปแล้ว - และนั่นก็เป็นสัญญาณที่ดี
--- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/supportThu, 07 Jan 2021 - 09min - 92 - EP92 : เพื่อนสนิทผมบอกทุกคนว่า ผมเป็นเกย์ เพื่อแฟนเธอจะได้ไม่หึง
ลิลลี่กับผมเป็นเพื่อนกันมา แบบ นานมาก เธออาศัยอยู่ฝั่งตรงข้ามกับบ้านของผมในย่านคัล-เดอ-แซ็ค เราซี้ตัวติดกันมาก ตอนเราอายุได้ 5 ขวบ เราหัดปั่นจักรยานด้วยกันและเมื่อเราอายุ 10 ขวบ เราสร้างบ้านต้นไม้แสนอบอุ่นขึ้นมาในสวนหลังบ้าน ด้วยกันกับพ่อของผม. สิ่งที่ผมต้องการจะพูดคือ พวกเราสนิทกันมากๆ สนิทเหมือนญาติ แต่ไม่ใช่แบบแฟนแน่ๆ
--- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/supportWed, 06 Jan 2021 - 07min - 91 - EP91 : แฟนของผมป่วยหนักและผมต้องการเลิกกับเธอ แต่ผมทำไม่ได้
ไงทุกคน! ผมชื่อนิค คุณเคยอยู่ในความสัมพันธ์แบบที่ไม่สามารถจบมันได้หรือเปล่า? ตอนนี้ผมกำลังเป็นแบบนั้นอยู่ ผมหวังว่าพวกคุณคงจะให้คำแนะนำผมได้ เพราะดูเหมือนว่าตอนนี้ผมถึงทางตันเข้าแล้วจริง ๆ ตลอดชีวิตผมมักจะเป็นคนที่เล่นกีฬาอยู่เสมอ ดังนั้นเรื่องการบาดเจ็บและเรื่องการเข้าออกโรงพยาบาลมันจึงไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัวอะไร เพราะผมค่อนข้างชินซะแล้วไม่ว่าจะเป็น กระดูกแตก ผ้าพันแผล การเย็บแผลและอื่น ๆ มันจึงไม่ใช่เรื่องน่าตกใจเมื่อจมูกของผมหักหลังจากการเล่นฮอกกี้และจำเป็นต้องไปหาหมอ แต่ในการไปโรงพยาบาลครั้งนี้ของผมมันแตกต่างจากครั้งอื่น ๆ ผมเห็นผู้หญิงคนหนึ่ง คือผมไม่ได้หมายถึงว่าผมไม่เคยเห็นผู้หญิงในโรงพยาบาลมาก่อนหรอกนะ แต่มันแปลกตรงที่ผู้หญิงคนนี้เธอบังเอิญมีผ้าพันแผลบนหน้าของเธอเหมือนกับผมพอดี นั่นหมายความว่าจมูกของเธอคงได้รับบาดเจ็บเหมือนกัน ผมรู้สึกได้ว่าเธอแตกต่างจากผู้หญิงคนอื่น ๆ ทั่วไป
--- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/support
ผมยังจำได้ถึงตอนที่ผมนอนอยู่ตรงโต๊ะตรวจอาการ และพยายามคิดหามุกตลกเกี่ยวกับจมูกของเราเพื่อที่จะได้หาเรื่องคุยกับเธอและรอจนกระทั่งไม่มีใครอยู่แถวนั้น ผมไม่รู้ว่าทำไม แต่แค่คิดว่าจะเข้าไปพูดกับเธอมันก็ทำให้ผมประหม่าขึ้นมา ทั้ง ๆ ที่ผมไม่ใช่คนขี้อายมาก่อน และจากนั้นผมก็ได้ยินเธอร้องไห้ และนั่นเป็นช่วงที่เหมาะที่จะได้เข้าไปคุยกับเธอ ผมถามเกี่ยวกับอาการบาดเจ็บของเธอ เธอบอกว่ามันเกิดขึ้นขณะที่เธอกำลังจะเดินไปที่เปียโนเพื่อฝึกซ้อม แต่เธอดันหกล้มและจมูกก็ไปกระแทกกับเก้าอี้ ผมจึงบอกเธอว่าเธอควรดีใจนะที่เธอไม่ได้บาดเจ็บที่นิ้วมือเพราะจมูกมันไม่มีความจำเป็นอะไรเกี่ยวกับการเล่นเปียโน และนั่นมันคงฟังเป็นเรื่องน่าตลกสำหรับเธอ หรือผมเองที่ดูน่าตลก หรืออะไรผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ผมยังคงจำได้ถึงรอยยิ้มและแววตาที่เธอมองมาที่ผม
และความสัมพันธ์อันสุดแสนโรแมนติกก็เริ่มต้นขึ้น ทุกสิ่งทุกอย่างมันสมบูรณ์แบบไปหมด และหลังจากที่พวกเราออกจากโรงพยาบาล เราต่างได้ใช้เวลาร่วมกันแทบทุกนาที ผมไปดูคอนเสิร์ตดนตรีคลาสสิกของเธอและเธอก็มาดูการเล่นฮอกกี้ของผม แม้ว่าเราจะมีความสนใจที่ต่างกันโดยสิ้นเชิงแต่ผมก็มีความสุขจริง ๆ และคลาริสซา นั่นคือชื่อของเธอ ก็บอกว่าเธอเองก็มีความสุขกับผมด้วยเช่นกัน แต่แล้วเธอก็เกิดป่วยขึ้นมาTue, 05 Jan 2021 - 07min - 90 - EP90 : แม่ทิ้งฉันไว้กับผู้หญิงแปลกหน้าแล้วหายตัวไป
สวัสดีทุกคน ฉันชื่อเรเชล และฉันอายุ 12 ปี ตลอดชีวิตฉันเคยเห็นแม่ของฉันเพียงไม่กี่ครั้งต่อปี เพราะฉะนั้นฉันเลยหมดเวลามากมาย ไปกับการนั่งคิดถึงเธอ แต่ฉันไม่ได้คิดมาก่อนเลยว่าการมาเยือนของแม่จะเปลี่ยนชีวิตฉันให้กลายเป็นฝันร้าย ใช่แล้ว ตั้งแต่ฉันจำความได้ ฉันอาศัยอยู่กับคุณยายมาโดยตลอด แม่เคยมาหาที่บ้านไม่กี่ครั้งต่อปี เอาเงินให้เราและกลับไปทำงาน โดยพื้นฐานแล้วแม่พลาดทุกช่วงเวลาสำคัญในชีวิตของฉัน แต่ฉันก็ยังรักเธอ ก็เธอเป็นแม่ของฉันนี่นา และเธอก็หาเงินมาให้
--- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/support
เพื่อที่ว่าฉันจะได้ใช้ชีวิตแบบคนปกติ อีกอย่างหนึ่ง คุณยายของฉันก็ให้กำลังใจฉันอยู่เสมอ ดังนั้นฉันเลยคิดว่าฉันมีวัยเด็กเหมือนคนอื่น ๆ แต่แล้วทุกอย่างก็เปลี่ยนไป ตอนนั้นเป็นฤดูร้อนที่อากาศร้อนจัด และคุณยายแทบทนความร้อนไม่ได้และในเช้าวันหนึ่งเรื่องนั้นก็เกิดขึ้น คุณยายไม่อาจลุกขึ้นจากเตียงได้อีก ฉันหมายถึง...ท่านเสียชีวิตไปแล้ว ทุกสิ่งที่ฉันทำได้คือเรียกรถพยาบาล แต่หมอก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้อีกแล้ว ฉันโศกเศร้าเสียใจ คนเดียวที่ใกล้ชิดกับฉันมาตลอดชีวิตเพิ่งจากไป ฉันโทรหาแม่และบอกทุกอย่างให้แม่รู้ แล้วคุณรู้ไหม ฉันคิดว่าฉันจะได้รับความเห็นอกเห็นใจจากแม่ แต่ตรงข้ามเลย - ครั้งนั้นกลายเป็นการคุยกันทางโทรศัพท์ที่สั้นที่สุด แม่แค่บอกว่า “เข้าใจแล้ว จะไปหาพรุ่งนี้ และช่วยจัดการทุกอย่างให้” แค่นั้นเลย ไม่มีคำพูดให้กำลังใจ ไม่มีความเศร้าเสียใจในน้ำเสียงและจากนั้นทุกอย่างก็กระจ่างชัดเจนในเช้าวันถัดมา ฉันตื่นขึ้นเพราะได้ยินน้ำเสียงที่คุ้นเคยดังมาจากชั้นล่าง ฉันลงไป และก็ต้องประหลาดใจอย่างมาก แม่ไม่ได้อยู่คนเดียว มีผู้ชายคนหนึ่งและเด็กชายอายุราวหกขวบอยู่กับแม่ด้วย แทนที่จะมีรอยยิ้มหรืออ้อมกอดปลอบประโลม แม่บอกว่าเราต้องคุยกันอย่างจริงจัง แม่ว่าฉันโตพอที่จะเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว ผู้ชายที่อยู่ในบ้านของเราคือสามีใหม่ของแม่และเด็กผู้ชายคนนั้นก็คือลูกชายของเขา ข้อเท็จจริงนี้ทำให้ฉันพูดไม่ออก แม่อธิบายว่าชีวิตของแม่ไม่ได้มีแค่งานกับฉัน และบอกว่าแม่อยากได้ครอบครัวปกติ ฉันตอบไปว่าฉันก็เป็นครอบครัวของแม่เช่นกัน แต่แม่ก็แค่เงียบอย่างนั้น ไม่ได้ตอบอะไร
งานศพจัดขึ้นในวันถัดมา คนมากมายมาแสดงความเสียใจกับฉันและแม่ วันนั้นคือวันที่เศร้าที่สุดในชีวิตฉัน แต่ฉันไม่แน่ใจว่าแม่ก็รู้สึกแบบเดียวกัน พูดกันตามตรง ฉันคิดว่าแม่อยากให้เรื่องนี้จบลงให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อที่แม่จะได้กลับไปใช้ชีวิตของตัวเอง แต่ยังมีอะไร ๆ ให้ต้องทำอีกมากทั้งเรื่องเอกสารและมรดกต่าง ๆ ของคุณยาย ดังนั้นวันนั้นสำหรับฉันแล้วจึงยาวนานจนแทบทนไม่ไหว ฉันไม่รู้ว่ามีอะไรรออยู่ข้างหน้า และอีกอย่าง ฉันยังถูกมองข้ามตลอดเวลาเวลาที่อยู่ในบ้าน สามีของแม่ไม่ต้องการพูดกับฉัน และอีกอย่างเขายังห้ามไม่ให้ลูกชายของเขามาเล่นกับฉันด้วย ช่วงเวลาเดียวที่เราทั้งหมดอยู่ด้วยกันคือตอนทานมื้อเย็น แต่ฉันจะถูกส่งกลับห้องให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ฉันรู้สึกโดดเดี่ยวอย่างมากทั้ง ๆ ความจริงแล้วแม่ของฉันก็อยู่ในบ้านด้วยMon, 04 Jan 2021 - 07min - 89 - EP89 : มีคนขอให้ฉันดูแลเด็กผู้ชายที่ไม่รู้ที่มา กลายเป็นว่านั่นคือน้องต่างแม่ของฉัน
สวัสดี ฉันชื่อนาตาลี เมื่อปีที่ผ่านมาทุกสิ่งทุกอย่างในครอบครัวของฉันเปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง...เพราะปรากฎว่า พ่อของฉันมีลูกชายนอกสมรสอยู่อีกคน! วันหนึ่งเมื่อฉันอยู่บ้าน ขณะที่พ่อกับแม่ยังอยู่ที่ทำงาน ใครบางคนก็มาเคาะประตู ฉันเปิดออกไป และตรงนั้นก็มีคุณยายคนหนึ่งกับเด็กชายตัวเล็ก ๆ ดูเหมือนเขาน่าจะอายุแค่ 5 ขวบ. เด็กชายโบกมือให้ฉันและวิ่งเข้ามาในบ้าน ฉันสับสนงุนงง และหญิงชราคนนี้ก็อธิบายว่า เด็กคนนั้นจะมาอยู่ด้วยไม่กี่ชั่วโมง พ่อแม่ฉันตกลงแล้ว และฉันต้องดูแลเขา ฉันตกอยู่ในสภาพแบบ “ว่าไงนะ” แต่คุณยายลึกลับคนนี้เดินจากไปแล้ว โอเค...คิดว่านะ?
--- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/support
เด็กชายคนนี้มีชื่อว่าโจชัว เขาเป็นเด็กที่น่ารักและทำตัวดีมาก ฉันเล่นกับเขาอยู่ครู่หนึ่ง และทำแซนด์วิชให้กิน เขาเอาแต่ถามฉันว่า “เมื่อไหร่คุณพ่อจะกลับบ้าน?” ฉันยิ่งสับสนหนักกว่าเดิม ฉันโทรหาพ่อแม่ และตอนแรกพวกเขาก็ไม่รับสาย แต่แล้วในที่สุดพ่อของฉันก็รับ และเขาไม่แฮปปี้เลยสักนิดเมื่อได้ยินว่าเพิ่งเกิดอะไรขึ้นที่บ้าน ทันทีที่พ่อแม่ฉันกลับถึงบ้าน พวกเขาก็มองไปยังเด็กน้อยเหมือนเป็นสิ่งมีชีวิตลี้ลับบางอย่าง พวกเขาแค่จ้องมองเด็กคนนั้น เข้าไปบริเวณห้องครัวโดยไม่สนใจเด็กน้อยแม้แต่นิดเดียว และเริ่มกระซิบกระซาบกัน แม่ของฉันโกรธจัด และพ่อของฉันก็เรียกได้ว่าตื่นตระหนก พวกเขาพยายามจะคุยกันเงียบ ๆ แล้วแต่แน่นอนว่าต้องมีอะไรสักอย่างที่ไม่ปกติเกิดขึ้น
เมื่อถึงจุดหนึ่งโจชัวก็หาทางเข้าไปใกล้พ่อฉันจนได้ และถามเขาอาย ๆ ว่า “คุณคือพ่อของผมหรือฮะ?” เขายังคงถามคำถามต่อไป แต่พ่อของฉันก็แค่...เอาแต่จ้องหน้าเด็กชาย เหมือนพ่อหวาดกลัวเขา แม่เอามือปิดหน้าด้วยความอับอาย ส่วนโจชัว...พยายามจะกอดพ่อฉัน แต่แทนที่พ่อจะกอดตอบ พ่อแค่ขยับตัวหนีและไม่ตอบรับอะไรเลย เขาแค่...ยืนอยู่ตรงนั้น โจชัวเริ่มตกใจและสับสน เอาแต่หันมองมาที่ฉัน พ่อ และแม่ ฉันรู้สึกเสียใจแทนเขานะ แต่สิ่งที่มากยิ่งกว่าคือ ฉันกำลังพยายามหาคำตอบอยู่ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่Sun, 03 Jan 2021 - 12min - 88 - EP88 : พี่ชายฉันเสียชีวิต และฉันต้องทำภารกิจตามหาลูกชายนอกสมรสของเขา
สวัสดี! ชื่อของฉันคือแฟรนซีน เร็วๆ นี้ฉันจะอายุครบสิบแปดปีแล้ว และทันทีที่ฉันอายุครบตามนั้น ฉันจะย้ายออกจากบ้านของพ่อแม่...เกือบสี่ปีที่แล้วพี่ชายคนโตของฉันก็ทำแบบเดียวกัน แต่นั่นไม่ได้ส่งผลดีต่อชีวิตเขาเลย เขาเสียชีวิตเมื่อหกเดือนก่อน และตอนนี้ฉันก็สามารถเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้แล้ว แต่ก็แปลกดีเหมือนกัน ช่วงเวลาที่มืดมนที่สุดคือช่วงก่อนรุ่งอรุณ...และนี่ก็คือสิ่งที่เรื่องราวของฉันเป็นเลยล่ะ
--- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/supportSat, 02 Jan 2021 - 08min - 87 - EP87 : ฉันไม่ได้ตอบข้อความบอกลาของแฟนฉัน นั่นคือความผิดพลาด!
ฉันคือ เอวา ฉันอายุสิบห้าปี ฉันอยากแบ่งปันเรื่องราวเกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่ฉันต้องประสบกับคุณ เรื่องฉันไม่มีตอบจบแบบความสุขหรอกนะ แต่ฉันหวังว่าประสบการณ์ของฉันจะเป็นประโยชน์กับผู้หญิงคนอื่นๆ ที่พบว่าตนเองตกอยูในสถานการณ์แบบเดียวกัน เรื่องที่จะนี้เป็นเรื่องของแฟนฉัน ซึ่งใช้ฉันเพื่อตอบสนองอัตตาของตัวเอง ฉันเจอเขาที่งานปาร์ตี้ครั้งหนึ่งที่เอ็มม่าเพื่อนสมัยมัธยมคนหนึ่งของฉันเป็นคนจัด เอ็มม่าเป็นสาวชอบเข้าสังคม มีชีวิตชีวา และตรงไปตรงมา เข้ากับใครๆ ได้ง่าย เธอเชิญฉันไปงานปาร์ตี้วันเกิด ที่ซึ่งฉันได้พบกับแฟนในอนาคต...อย่างไรก็ตาม ในตอนนั้นเขาเป็นแฟนของเอ็มม่า แต่ฉันไม่ได้ขโมยแฟนเพื่อนนะ! เธอน่ะแหละที่ยิ่งกว่ายินดียกเขาให้ฉัน
--- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/supportFri, 01 Jan 2021 - 08min - 86 - EP86 : แฟนของฉันอาจเป็นพ่อที่แท้ๆของฉัน พระเจ้าช่วย!
ทุกอย่างเกิดขึ้นในช่วงฤดูร้อนแรกของฉันหลังจากสำเร็จการศึกษามัธยมปลาย ฉันมีความสุขมากที่พ่อแม่อนุญาตให้ฉันร่วมทริปกับเพื่อนเพื่อเดินทางไปท่องเที่ยวในอิตาลี เพื่อที่ฉันจะได้พักผ่อนสมองจากการเรียนสักพักก่อนเข้ามหาวิทยาลัย ที่จริงแล้วเรื่องราวมันเกิดขึ้นเพราะฉันเกิดไปตกหลุมรักเข้ากับ โจนาธาน ผู้ซึ่งเดินทางไปทำธุรกิจที่นั่น พวกเราเจอกันขณะที่กำลังรับประทานอาหารในคาเฟ่แห่งหนึ่งและ...อุ๊ปส์! กลายเป็นว่าเขาอายุแก่กว่าฉันค่อนข้างมาก แต่ว่าเขาก็หล่อและเป็นสุภาพบุรุษอย่างแท้จริง เขาจีบฉันเหมือนกับในนิยายรักเลยล่ะ ไม่ว่าจะด้วยช่อดอกไม้,การเดินเล่นด้วยกันอย่างโรแมนติก และทุกๆอย่าง แม้ว่าจะฟังดูน้ำเน่าไปหน่อย แต่ฉันคิดว่ามีผู้หญิงคนไหนที่จะไม่ชอบอะไรแบบนี้บ้างล่ะ ดังนั้นฉันจึงตกหลุมรักเขาอย่างรวดเร็วและมันทำให้ทริปนี้ของฉันมันพิเศษกว่าแค่การมาพักสมองจากการเรียน
--- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/supportWed, 30 Dec 2020 - 07min - 85 - EP85 : ผมเคยใช้ชีวิตด้วยเงินเหรียญเดียวต่อวัน และตอนนี้ผมคือตำนาน
ไง! ผมอยากบอกว่า ผมเชื่อว่าพ่อแม่ของเราเพียงแค่ต้องการสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเราเสมอ แต่บางครั้งหนทางของพวกเขาในการให้สิ่งดี ๆ กับเราก็อาจไม่ปกตินัก และการเลี้ยงดูที่เราได้รับก็ส่งผลกระทบต่ออนาคตทั้งหมดของเรา ไม่ว่าเราจะอยากหรือไม่ก็ตาม. แต่เราเพียงแค่ต้องตัดสินใจว่าเราจะนำสิ่งไหนที่เรียนรู้จากพ่อแม่มาใช้ มาฟังเรื่องราวที่ผมกำลังจะเล่าถึงวิธีการที่ผมเติบโตขึ้นมา และผลที่เกิดขึ้นในชีวิตผมกัน ผมชื่ออีลอน มัสก์ และถ้าคุณคิดว่าวัยเด็กของคุณซับซ้อนแล้ว - คุณไม่ใช่คนเดียวหรอกนะ! พ่อแม่ของผมหย่ากัน ผมโตขึ้นมาโดยมีหนังสือเป็นเพื่อนเพียงหนึ่งเดียว ผมประสบกับความยากลำบากเวลาอยู่ที่โรงเรียน และยังเคยทำงานในไซต์งานก่อสร้าง พ่อของผมไม่เชื่อมั่นในตัวผม และยังอยู่ไกล ผมต้องเอาชีวิตรอดแต่ละวันด้วยเงินเพียงเหรียญเดียว และหิวอยู่ตลอดเวลา แต่ทั้งหมดนี้ไม่ได้สำคัญอะไรนักหรอก สิ่งที่ผมพบว่าสำคัญจริง ๆ – คือคุณทำอะไรกับทุกสิ่งที่คุณได้เรียนรู้มาจากพ่อแม่ต่างหาก
--- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/support
ช่วงแปดปีแรกในชีวิตผมเต็มไปด้วยความสดใสและมีความสุขในระดับหนึ่งเลย ผมอาศัยอยู่กับพ่อ แม่ และน้องสองคนในเมืองของคนรวยในแอฟริกาใต้ เราอยู่ห่างจากเมืองหลวงในระยะขับรถหนึ่งชั่วโมงถึง ทั้งพ่อและแม่ของผมเป็นคนที่ยุ่งตลอด พวกเขาทำงานหนักและนานเสียจนผมแทบไม่เคยเจอพวกเขา แต่พวกเขาก็คอยดูอยู่ตลอดว่าผมหรือน้อง ๆ ไม่ขาดแคลนอะไร และเราก็ไม่ขาดแคลนจริง ๆ...นอกจาก บางทีนะ คงเป็นความสนใจที่พ่อแม่มีต่อเราเท่านั้น เราไม่มีพี่เลี้ยง มีแค่แม่บ้านที่คอยดูว่าผมจะไม่ทำอะไรเสียหาย ผมไม่เคยทำข้าวของที่บ้านเสียหายนะ แต่ผมสร้างปาฏิหาริย์ต่างหาก ผมชอบสร้างระเบิดและจรวดเสมอ และการทำสิ่งเหล่านี้อาจทำให้ผมตายได้ ถึงตอนนี้ผมยังตกใจอยู่เลยที่ผมยังมีนิ้วมือครบทุกนิ้ว! ผมยังรักการอ่านด้วยเหมือนกัน ครั้งหนึ่งครอบครัวของเราออกไปตระเวนซื้อของ เมื่อผมนึกขึ้นได้ระหว่างนั้นว่าผมลืมซื้ออะไร แม่ผมต้องพาน้องชายตามไปด้วยระหว่างออกตามหาผม พวกเขาพบผมในร้านหนังสือใกล้ ๆ นั่งอยู่บนพื้นและอ่านหนังสือ โดยไม่สนใจทุกสิ่งที่อยู่รอบข้างเลย
ขณะที่ผมอายุมากขึ้น ผมจะไปแวะร้านหนังสือหลังโรงเรียนเลิกตอนบ่ายสอง และอยู่ที่นั่นจนถึงหกโมงเย็น ซึ่งพ่อแม่ผมกลับจากที่ทำงาน. ผมตะลุยอ่านหนังสือนิยาย จากนั้นก็การ์ตูน และในที่สุดก็เป็นหนังสือสารคดี บางครั้งพวกเขาก็ไล่ผมออกจากร้านTue, 29 Dec 2020 - 08min - 84 - EP84 : ย่าของผมเสกคำสาปวูดูใส่เพื่อนสนิทผม มันได้ผลด้วย!
ไง ทุกคน! ผมชื่อเคเลบ ผมอายุสิบหกปี ผมเกิดและเติบโตในนิวออร์ลีนส์ และนี่ก็คือข้อเท็จจริงที่สำคัญอย่างหนึ่ง เพราะเรื่องราวของผมเกี่ยวข้องกับคำสาปวูดูอันเก่าแก่ และเพื่อนรักของผมที่ตกเป็นเหยื่อ ผมรู้น่ะว่าคุณไม่เชื่อ เพื่อนผมก็เหมือนกัน ก่อนที่พวกผีดิบจะเริ่มเดินไปเดินมาผ่านหน้าต่างห้องเขาทุกคืน
เพื่อนรักของผมมีชื่อว่าเฮนรี่ ครอบครัวของเขาย้ายมาจากนิวเจอร์ซีย์ มาอยู่นิวออร์ลีนส์เมื่อหกเดือนก่อน และเฮนรี่ก็ไปโรงเรียนเดียวกับผม เขาเป็นผู้ชายที่เจ๋งมาก และไม่นานเราก็รู้ว่าเรามีอะไรหลาย ๆ อย่างที่เข้ากันได้ และกลายเป็นเพื่อนกัน เฮนรี่ไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับเมืองใหม่ของเขามากนัก และเขายังอยากรู้อยากเห็นในทุกสิ่ง ทำไมย่านเฟรนช์ถึงต้องเรียกว่าเฟรนช์? ทำไมนักท่องเที่ยวถึงต้องมาดูสุสานของที่นี่? ทำไมสุสานถึงมีอนุสาวรีย์ และไม่ฝังร่างผู้ตายไว้เฉย ๆ? ผมต้องบอกก่อนว่า ผมเป็นไกด์นำเที่ยวที่ดี บางทีผมอาจทำเงินด้วยการพาคนเที่ยวในเมืองก็ได้นะ? แต่นั่นคงยังไม่เกิดขึ้นตอนนี้หรอก เรื่องของเรื่องก็คือ ครอบครัวของผมมีความเกี่ยวพันอย่างใกล้ชิดกับนิวออร์ลีนส์ และผมก็โตขึ้นมาโดยที่รู้เรื่องเหล่านั้น ตระกูลของผมสืบเชื้อสายย้อนกลับไปได้ถึงกลางศตวรรษที่สิบเก้า และลูกหลานแต่ละรุ่นของเราต่างก็อาศัยอยู่ที่นี่ ก่อนหน้านี้ บรรพบุรุษของผมอาศัยอยู่ในเฮติ คุณเดาได้หรือยังว่าผมกำลังพยายามจะบอกอะไร? ผมจะบอกคุณตรง ๆ ล่ะนะ ว่ามีเจ้าแห่งวูดูอยู่ในครอบครัวของผมจริง ๆ ใช่เลย หมายถึงคนที่พูดกับวิญญาณเก่าแก่ ประกอบพิธีร่ายมนตร์คาถา ทำเครื่องราง และเปลี่ยนคนธรรมดา ๆ ให้กลายเป็นผีดิบได้นั่นแหละ อืม อย่างน้อยนั่นก็คือสิ่งที่พวกเขาบอกว่าพวกเราเป็นอะไร
แน่ล่ะ ผมทำอะไรแบบนั้นไม่ได้ แต่คุณย่าของผม เวอร์จิเนียน่ะ ทำได้! เธอเป็นเจ้าของร้านขายของฝากที่นักท่องเที่ยวแวะเวียนมาเพื่อซื้อเครื่องรางเวทมนตร์ เพื่อถามเรื่องเกี่ยวกับวูดู หรือกระทั่งมาเพื่อให้ย่าทำพิธีให้ ผมไม่ได้สนใจงานของคุณย่ามากนัก เพราะเรื่องที่แปลกประหลาดสำหรับคนอื่นนี้เป็นเรื่องปกติธรรมดาในชีวิตประจำวันของผม แต่เฮนรี่ให้ความสนใจอย่างมาก เขาถามคำถามมากมายเกี่ยวกับคุณย่าเวอร์จิเนีย – แต่ไม่ใช่ในแบบที่ผมคาดคิด
--- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/supportMon, 28 Dec 2020 - 10min - 83 - EP83 : ฉันพบจดหมายในห้องใต้หลังคาซึ่งส่งมาจากแม่ผู้ให้กำเนิดฉัน
ไง! ฉันชื่อเอเวอลีน ฉันเคยเป็นเด็กธรรมดา และคิดว่าชีวิตของตนตามปกติ บางทีอาจอยู่ในขั้นน่าเบื่อด้วยซ้ำ สิ่งเดียวที่ทำให้ชีวิตฉันผิดแปลกออกมา นั่นคือข้อเท็จจริงที่ว่า ฉันเป็นเด็กผู้หญิงคนเดียวในจำนวนพี่น้อง 5 คน ฉันมีน้องชาย 4 คนแต่ไม่นานมานี้ ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปมากเสียจนฉันรู้สึกเหมือนตัวเองอยู่ในซีรี่ย์ทางทีวีที่เต็มไปด้วยเรื่องดราม่าและความซับซ้อน
งานใหม่ของพ่อฉันเป็นสิ่งที่ทำให้วงจรของเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงชีวิตนี้เกิดขึ้น คืนหนึ่งเขากลับมาจากที่ทำงาน และบอกว่าเราจะต้องขายบ้าน แล้วย้ายไปรัฐอื่น เขาพูดแบบนั้นด้วย... ยังไงดีล่ะ ด้วยเสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ และมีความกลัดกลุ้มปรากฎบนใบหน้า ดังนั้นทุกคนเลยคิดว่าต้องเป็นข่าวร้ายแน่ ตอนนั้นแม่กำลังตั้งโต๊ะอาหารอยู่ยังทำจานตกลงพื้นเลย แต่ปรากฎว่าพ่อเป็นนักแสดงที่แย่มาก; ทันใดนั้นเขาก็ยิ้มกว้างออกมาอย่างมีความสุข และบอกว่าอีกไม่นานเราจะกลายเป็นครอบครัวที่ร่ำรวยมาก ตอนแรกทุกคนกังวลนิดหน่อยกับความเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้น เพราะนั่นหมายถึง พวกน้องชายและฉันต้องย้ายไปเรียนที่โรงเรียนใหม่ และหาเพื่อนใหม่ กับอะไร ๆ อีกหลายอย่าง แต่ทันทีที่พ่อแม่ของฉันหาที่อยู่ได้ ซึ่งเป็นบ้านหลังใหญ่ที่มีสวนและสระว่ายน้ำ ความกังวลของเราทั้งหมดก็เปลี่ยนเป็นความตื่นเต้น ลองนึกดูสิ: พวกเราทุกคนตอนนี้มีห้องเป็นของตัวเองแล้วยังมีห้องน้ำในตัว ขอบคุณพระเจ้า เราไม่จำเป็นต้องเข้าคิวรอเข้าห้องน้ำตอนเช้า และแย่งกันเพื่อเข้าไปอาบน้ำเป็นคนแรกอีกแล้ว ที่ดียิ่งกว่านั้นคือ พ่อสัญญาว่าจะซื้อรถให้ฉัน เพราะฉันกำลังจะอายุครบสิบหกปี! ไม่มีอะไรจะดียิ่งกว่านี้อีกแล้ว และดูเหมือนชีวิตฉันไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมากนักในช่วงความเปลี่ยนแปลงนี้
ปัญหาเดียวในจำนวนเรื่องทั้งหมดคือ เรามีเวลาเพียง 2 สัปดาห์เพื่อเก็บข้าวของ และเพราะพวกน้องชายของฉันห่างไกลจากคำว่าช่วยอะไรได้ ฉันเลยต้องขอให้โจชัว เพื่อนรักของฉันมาช่วย โจชัวและฉันเป็นเพื่อนรักกันมาตั้งแต่ชั้นอนุบาล แล้วบางทีคงเป็นเพื่อนคนเดียวที่นี่ที่ฉันจะต้องคิดถึงมาก ๆ ฉันเลยดีใจมากที่เราได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันนาน ๆ ระหว่างแพ็กของ แต่แล้วทันใดนั้นเขาก็พบของแปลก ๆ อย่างหนึ่งซุกอยู่ด้านในกล่อง ซึ่งห่อไว้ด้วยผ้าห่มอีกชั้น เหมือนใครสักคนต้องการซ่อนสิ่งนี้เอาไว้
--- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/supportSun, 27 Dec 2020 - 11min - 82 - EP82 : ฉันทำเค้กที่เป็นพิษให้แม่เลี้ยงในวันเกิด
ฉันคือมอลลี่ อายุ 14 ปี ฉันได้เห็นเรื่องราวต่างๆ มากมายในช่องนี้ที่พูดถึงแม่เลี้ยงแย่ๆ ที่ทำให้ชีวิตของคนเล่าเรื่องต้องตกอยู่ในความทุกข์ทรมาน. เรื่องราวของฉันก็เป็นเรื่องเกี่ยวกับเรจิน่า แม่เลี้ยงของฉันและฉันเช่นกัน แต่บางอย่างที่ฉันจะเล่าต่อไปนี้อาจทำให้คุณประหลาดใจ หรือถึงขั้นตะลึงได้! เรื่องของเรื่องก็คือ เรจิน่าต้องเข้าโรงพยาบาล เพราะความผิดพลาดของฉัน และชีวิตของเธอก็ตกอยู่ในอันตราย. ฉันไม่ได้อยากให้เรื่องนี้เกิดขึ้น! อืม บางทีอาจจะแค่อยาก...แต่ฉันไม่เคยนึกอยากทำให้มันเกิดขึ้นจริงๆ เลย สาบานได้
--- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/supportSat, 26 Dec 2020 - 08min - 81 - EP81 : ฉันไล่เพื่อนรักที่กำลังท้องออกจากบ้านและฉันไม่เสียใจเลย
สวัสดีทุกคน! ฉันอยากจะมาเล่าเรื่องให้ฟังว่ามนุษย์เราแต่ละคนต่างก็มีโชคชะตาที่แตกต่างกันไปไม่มากก็น้อย นี่มันไม่ใช่เรื่องที่น่าตลกเพราะฉันจะมาบอกคุณว่าฉันทรยศเพื่อนรักของฉันอย่างไร บอกก่อนว่านี่มันเป็นความคิดเห็นส่วนตัวของฉันเพราะว่าฉันได้เห็นเรื่องราวทั้งหมดจากมุมมองที่แตกต่างออกไป ก่อนอื่น ฉันชื่อว่าทอนญ่า และฉันเพิ่งอายุครบ 17 เมื่อไม่นานนี้ ทุกอย่างเริ่มต้นเมื่อประมาณสิบหรือสิบเอ็ดปีที่แล้ว ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน ตอนนั้นฉันยังเป็นเด็กและอาศัยอยู่กับพ่อแม่ในบ้านหลังเล็กๆ ที่แสนสบายในเขตชานเมือง ตอนนั้นฉันมีเพื่อนเพียงคนเดียว คือโอลีฟ เธอแก่กว่าฉันหนึ่งปีครึ่งและอาศัยอยู่บนที่ดินใกล้ๆกัน พ่อแม่ของเธอค่อนข้างยากจน พวกเขาไม่มีบ้านเป็นของตัวเอง และต้องอาศัยอยู่ในรถบ้านเก่าๆที่จอดอยู่บนที่ดิน แต่พวกเขาเป็นคนสุภาพและนิสัยดีมาก ดังนั้นพ่อแม่ของฉันจึงสนับสนุนมิตรภาพของฉันที่มีต่อโอลีฟ
ในเวลานั้นโอลีฟกับฉันเราสนิทกันมาก เราถึงขั้นทำพิธีรักษามิตรภาพของเราให้เป็นอมตะ มาตอนนี้ฉันรู้แล้วล่ะว่ามันไร้สาระและงี่เง่าสิ้นดี แต่ว่าในตอนนั้นสำหรับเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างเรา มันเป็นเรื่องที่แสนยิ่งใหญ่จริงๆ ที่ใกล้ๆบ้านของเรามันมีต้นโอ๊กเก่าแก่อยู่ต้นหนึ่งและโอลีฟก็แนะว่าเราน่าจะสลักคำลงไปว่า “โอลีฟและทอนญ่า เพื่อนกันตลอดไป” ที่บนเปลือกไม้ ฉันจำได้ว่าโอลีฟขโมยมีดของพ่อเธอมาและฉันยังจำได้อีกด้วยว่ามันโชคดีแค่ไหนแล้วที่เราไม่ทำมีดบาดมือตัวเองในขณะที่เราสลักชื่อ และฉันยังจำได้อีกว่าชื่อของฉันมันถูกสะกดผิด ฉันคิดว่าคุณเองก็คงมีความทรงจำดีๆในวัยเด็กเช่นกัน ใช่มั้ยล่ะ?
และนั่นจึงเป็นสาเหตุว่าทำไมพวกเราจึงว้าวุ่นใจกันอย่างหนักตอนที่รู้ข่าวว่าพ่อของฉันได้งานในเมืองหลวงของรัฐและเราจะต้องย้ายไปอยู่กันที่นั่น เราทั้งคู่ร้องไห้กันหนักมาก ตอนนั้นเราคิดว่าพวกผู้ใหญ่งี่เง่าพวกนี้กำลังต้องการแยกเราออกจากกัน เราที่สนิทกันราวกับเป็นพี่น้องกันแท้ๆ!
--- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/supportFri, 25 Dec 2020 - 08min - 80 - EP80 : ฉันหยิบโทรศัพท์ของแฟนแม่ไปโดยไม่ตั้งใจ โอ้ พระเจ้าช่วย
สวัสดี! ฉันชื่อโรสแมรี่ อายุ 16 ปี ฉันไม่มีอะไรที่จะต้องปิดบังอีกต่อไป ฉันจะเล่าเรื่องนี้ให้คุณฟังเพื่อเปิดเผยสิ่งแย่ ๆ ที่แม่ของฉันได้ทำลงไป...และฉันแน่ใจว่าเธอจะต้องได้รับผลจากการกระทำของเธอ เอาล่ะ ฉันจะเล่าความเป็นมาของตัวฉันให้ฟัง ก่อนหน้านี้ฉันอาศัยอยู่กับแม่ของฉันในบ้านที่กว้างขวาง และครอบครัวของเราก็อยู่อย่างเป็นสุขดี แต่แล้วทุกอย่างก็เปลี่ยนไปเมื่อประมาณห้าปีที่แล้ว สรุปสั้น ๆ ก็คือ แม่ของฉันทิ้งพ่อไป
ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่า กามเทพได้แผลงศรผิดหรือว่าพวกเขารักกันเองจริง ๆ! เพราะแม่ของฉันเป็นผู้หญิงที่คอยเจ้ากี้เจ้าการตลอด และถ้าใครคิดเห็นต่างจากเธอ คน ๆ นั้นจะต้องเป็นคนผิด ส่วนพ่อของฉัน นิสัยตรงกันข้ามกับแม่โดยสิ้นเชิง เขาเป็นคนใจดีและเอาใจใส่..เขามักรับฟังปัญหาของผู้คนเสมอและมีความสุขเมื่อได้ช่วยเหลือ
ความจริงฉันก็อยากจะอยู่กับพ่อนะ แต่ว่าฉันคุ้นเคยกับความเป็นอยู่ที่ดีและสะดวกสบายแบบนี้ แต่พ่อของฉัน...ในมุมมองของแม่ที่มีต่อพ่อนั้น เธอมองว่าพ่อเป็นคนขี้เกียจและไม่เคยทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลยแม้จะอายุสี่สิบห้าแล้วก็ตาม ฉันเองก็ไม่อยากยอมรับตรงจุดนี้ แต่ว่าแม่ของฉันก็พูดถูก และพอพวกเขาแยกกันแล้ว พ่อก็ย้ายไปอาศัยในย่านสลัม ที่ที่เขาสามารถเช่าอพาร์ทเมนต์เล็ก ๆ ราคาถูกได้ เขาแทบจะไม่มีปัญญาจ่ายค่าเช่ารังหนูนี้ด้วยซ้ำจึงต้องแชร์ค่าห้องกับเพื่อนอีกคน ฉะนั้นฉันจึงล้มเลิกความคิดที่จะย้ายไปอยู่กับเขา
--- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/supportThu, 24 Dec 2020 - 07min - 79 - EP79 : ครอบครัวของแฟนเกลียดฉัน เพราะฉันไม่ท้อง
ท้อง, ตั้งครรภ์, ครอบครัว, แฟน, แฟนหนุ่ม, พ่อแม่แฟน, พบพ่อแม่, พบกับพ่อแม่, มีความรัก, มหาวิทยาลัย, คนเก่า, แฟนเก่า, แฟนสาว, คุณยาย, มื้อค่ำในครอบครัว, ขอแต่งงาน, งานแต่งงาน, การแต่งงาน, แต่งงาน
--- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/supportWed, 23 Dec 2020 - 08min - 78 - EP78 : แม่ของฉันกำลังหาผู้ปกครองคนใหม่ให้ฉันเพราะเธอจะเสียชีวิตในไม่ช้า
สวัสดี ฉันชื่อฟีบี้ อายุสิบห้าปี ฉันไม่อยากที่จะตบตาพวกคุณด้วยน้ำเสียงที่ร่าเริงหรอกนะ เพราะว่าเรื่องราวของฉันมันทั้งแสนเศร้า,ทั้งน่ากลัวและแปลกพิลึกที่สุดกว่าใคร ๆ เอาล่ะ มันเป็นเรื่องที่แม่ของฉันตัดสินใจจัดฉากการคัดเลือกนักแสดงที่แสนประหลาดแบบที่เรียกว่า – การค้นหาผู้ปกครองคนใหม่ให้ฉันเพราะเธอจะมีชีวิตอยู่ต่อได้อีกไม่นานนั่นเอง ทุก ๆ อย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก – แค่ในวันนั้น...วันที่แม่รู้สึกไม่ค่อยดีต่างจากวันอื่น ๆ ก่อนหน้านั้นแม่ของฉันมักจะรู้สึกอ่อนเพลียและเวียนหัวอยู่บ่อย ๆ ฉันจึงค่อนข้างจะชินและคิดว่าคงไม่มีอะไรที่ผิดปกติเท่าไหร่ ยิ่งไปกว่านั้น แม่ยังมีทัศนคติในแง่ลบกับแพทย์ กับการไปคลินิกและกับการตรวจเช็คร่างกายและอื่น ๆ – สำหรับเธอแล้วการรู้สึกไม่ค่อยดีนั้นมันไม่ใช่เหตุผลในการไปพบแพทย์ เธอชอบแก้ปัญหาเหล่านั้นด้วยการทำแบบเดิม ๆ เป็นประจำ นั่นคือเธอจะบอกว่าเธอเหนื่อยล้าแล้วก็ไปนอนพักผ่อนที่โซฟา
แต่แล้วหลังจากผ่านไปสักระยะหนึ่งแม่ก็ไม่สามารถเมินเฉยต่อปัญหาสุขภาพของเธอได้อีกต่อไป - เพราะเธอเริ่มเป็นลม และไม่เพียงเฉพาะแค่ตอนอยู่ที่บ้านเท่านั้น แต่ยังรวมถึงที่ทำงานของเธอด้วย แม่ของฉันทำงานในไฮเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่ที่มีพื้นที่กว้างขวางและมีชั้นวางสินค้าตั้งอยู่อย่างซับซ้อนราวเขาวงกต และวันหนึ่งมีเหตุการณ์น่าตื่นตระหนกเกิดขึ้นกับลูกค้าเมื่อพวกเขาเกือบจะเข็นรถเข็นทับตัวแม่ที่กำลังนอนหมดสติที่ชั้นขายอาหารสัตว์เลี้ยง... หัวหน้างานของเธอต่อว่าและยืนกรานว่าเธอจะต้องไปพบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพให้ได้ที่แม่ของฉันพยายามหลีกเลี่ยงการไปพบแพทย์นั้นไม่ใช่แค่เพราะเธอไม่อยากไปเท่านั้น แต่ยังเพราะเธอไม่ได้ต่ออายุประกันสุขภาพของเธอด้วย แต่หัวหน้างานบอกว่าถ้าเธอยังขัดคำสั่งเธอจะต้องถูกไล่ออก ดังนั้นแม่จึงยอมไป
และผลการทดสอบไม่ได้แค่ออกมาแย่เท่านั้น แต่ตอนที่เราได้รู้ความจริง มันก็ทำให้ชีวิตของเราทั้งสองพังทลายลง โอ้ มันยากเหลือเกินที่ฉันจะพูดถึงเรื่องนี้.. หมอตรวจพบเนื้องอกในสมองของแม่ และเนื้องอกนี้ก็เกิดขึ้นมาเป็นเวลานานพอสมควรแล้วก่อนที่แม่จะมีอาการเป็นลมอยู่บ่อย ๆ เกิดขึ้นซะอีก.... และแม้ว่าเรารับทราบถึงปัญหาเรื่องนี้แล้ว แม่ก็ยังไม่ยอมที่จะไปพบแพทย์อยู่เป็นเวลานานมาก ๆ และไม่ยอมทำอะไรเลย! ตอนนี้มันก็สายเกินไปที่จะทำการผ่าตัดและ... สายเกินไปที่จะทำอะไรทั้งนั้น แม่ของฉันไม่สนใจเรื่องสุขภาพของตัวเองมาเป็นเวลานาน ได้แต่เก็บเงินเอาไว้โดยไม่ยอมไปต่อประกันสุขภาพ และตอนนี้มันจึงเป็นเรื่องยากที่จะรักษาเธอ...คุณเห็นมั้ย? ไม่มีอะไรเป็นไปได้เลย แม้แต่จะลองพยายามมันก็ไร้ประโยชน์
--- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/supportTue, 22 Dec 2020 - 10min - 77 - EP77 : แม่ของฉันเข้ามาในห้องของฉันโดยไม่ได้เคาะประตู,ขอโทษค่ะ แม่...
สวัสดี! ฉันแคทเธอรีน ตอนนี้ฉันอายุแค่ 16 แต่กลับถูกบังคับให้ออกจากบ้านพ่อแม่ของตัวเองและต้องย้ายมาอยู่ข้ามทวีป ฉันรู้สึกเหมือนเป็นเด็กกำพร้าทั้ง ๆ ที่พ่อแม่ยังมีชีวิตอยู่และนั่นมันน่าหัวเราะเยาะสิ้นดี ทุกสิ่งทุกอย่างมันเกิดขึ้นเพราะความรัก หรือจะพูดให้ถูกคือเพราะเรื่องรสนิยมด้านความรักของฉันเอง
และประเด็นก็คือ ฉันเป็นเลสเบี้ยน อันที่จริงแล้ว ตอนที่ฉันเริ่มสงสัยตัวเองว่าสนใจในเพศเดียวกันนั้น มันเกิดขึ้นอย่างไม่คาดฝันและค่อนข้างน่าอึดอัดใจ เมื่อไม่กี่ปีที่แล้วตอนที่ฉันอายุราว ๆ 12 ปี ตอนนั้นฉันไปออกค่ายกีฬากับเพื่อนผู้หญิงจากชั้นเรียนยิมนาสติกและหนึ่งในนั้นซึ่งเคยเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของฉัน เธอสารภาพอย่างชัดเจนว่าเธอตกหลุมรักฉันในตอนนั้นฉันทั้งตกใจและรู้สึกกลัว เพราะฉันเข้าใจได้ในทันทีว่าฉันเองก็คิดกับเธอแบบนั้นด้วยเช่นเดียวกันฉันไม่เคยชอบยิมนาสติกมาก่อนเลยโดยเฉพาะในรูปแบบของกีฬา ตอนที่ฉันเห็นพวกสาว ๆ เหล่านั้นมันทำให้ฉันนึกถึงหัวดับเพลิงแข็ง ๆ แม้ว่าความจริงแล้วพวกเธอมีร่างกายที่ยืดหยุ่นมากก็ตามคุณคงจะสงสัยว่าในเมื่อถ้าฉันไม่ชอบแล้วทำไมฉันถึงต้องทุ่มเทกับมันมานานถึง 8 ปี และคำตอบก็คือเพราะพ่อของฉันยืนกรานให้ฉันเข้าร่วม ความจริงแล้วเขาอยากได้ลูกชายมากเพื่อที่จะได้ปั้นให้เป็นนักกีฬาที่ประสบความสำเร็จ แต่เขาก็ต้องผิดหวังที่ฉันเกิดมาเป็นผู้หญิง แต่อย่างไรก็ตามเขาไม่เคยยอมแพ้ต่อความฝันที่ได้จะเป็นพ่อของผู้ชนะจากโอลิมปิกและยิมนาสติกก็เป็นหนึ่งในกีฬาที่เขาโปรดปราน พ่อเข้มงวดและบังคับฉัน ซึ่งในตอนนั้นฉันก็ยังเด็กเกินไปที่จะต่อต้านขัดขืนและแม่เองก็รักพ่อมากจนเห็นดีเห็นงามกับพ่อไปด้วยทุกอย่าง
ฉันไม่ใช่นักกีฬาที่มีพรสวรรค์เอาซะเลย แต่พ่อก็คอยพูดอยู่เสมอว่าหากไม่มีพรสวรรค์ดังนั้นก็ต้องหาพรแสวง และมันก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ ในที่สุดฉันก็ได้รับเหรียญทองมาครอง แต่ฉันทำได้ไม่กี่รางวัลเท่านั้น เพราะจากอาการกระดูกร้าวสองสามและที่จมูกด้วย และนอกจากนั้นยังมีสิ่งอีกที่ฉันไม่เคยได้คาดคิดมาก่อน นั่นคือเรื่องรสนิยมทางเพศของฉันเอง
--- Support this podcast: https://podcasters.spotify.com/pod/show/theourstory/supportMon, 21 Dec 2020 - 07min
Podcasts semelhantes a เรื่องเล่าของเรา
- นิทานชาดก 072
- พี่อ้อยพี่ฉอด พอดแคสต์ CHANGE2561
- หลวงปู่ปราโมทย์ ปาโมชฺโช วัดสวนสันติธรรม dhamma.com
- People You May Know FAROSE podcast
- เล่าเรื่องรอบโลก by กรุณา บัวคำศรี karunabuakamsri
- ลงทุนแมน longtunman
- Mission To The Moon Mission To The Moon Media
- ธรรมนิยาย หลวงพ่อจรัญ (สัตว์โลกย่อมเป็นไปตา Ploy Techa
- พระเจอผี Podcast Prajerpee
- SONDHI TALK sondhitalk
- คุยให้คิด Thai PBS Podcast
- หน้าต่างโลก Thai PBS Podcast
- พระพรหมมังคลาจารย์ (ปัญญานันทภิกขุ) Thammapedia.com
- หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน Thammapedia.com
- The Secret Sauce THE STANDARD
- THE STANDARD PODCAST THE STANDARD
- คำนี้ดี THE STANDARD
- Luangpor Paisal Visalo‘s Podcast (ธรรมะ จาก หลวงพ่อไพศาล วิสาโล) watpasukato
- พระไตรปิฎกศึกษา-พระสมบัติ นันทิโก ชมรมผลดี
- 2 จิตตวิเวก ปัญญา ภาวนา ฟังธรรมะ ปัญญาภาวนา Panya Bhavana
- 5 นิทานพรรณนา ปัญญา ภาวนา ฟังธรรมะ ปัญญาภาวนา Panya Bhavana
- พระอาจารย์สมภพ โชติปัญโญ พระอาจารย์สมภพ โชติปัญโญ
- พุทธวจน พุทธวจน
- หลวงพ่อจรัญ ทักขญาโณ หลวงพ่อจรัญ ทักขญาโณ