Podcasts by Category

Luangpor Paisal Visalo‘s Podcast (ธรรมะ จาก หลวงพ่อไพศาล วิสาโล)

Luangpor Paisal Visalo‘s Podcast (ธรรมะ จาก หลวงพ่อไพศาล วิสาโล)

watpasukato

เสียงบรรยายธรรมของหลวงพ่อไพศาล วิสาโล เจ้าอาวาสวัดป่าสุคะโต Dhamma talks by Venerable (Luangpor) Paisal Visalo, Abbot of Watpasukato, Chaiyaphum, Thailand. MP3 files are courtesy of https://www.facebook.com/Zensukato Contact admin: watpasukato19@gmail.com

1040 - 25670809pm--เครียดได้แต่ใจไม่ทุกข์
0:00 / 0:00
1x
  • 1040 - 25670809pm--เครียดได้แต่ใจไม่ทุกข์

    9 ส.ค. 67 - เครียดได้แต่ใจไม่ทุกข์ : ถ้าเครียดก็ปล่อยให้ตัวเองเครียดไปได้เลยนะ ไม่ต้องโทษตัวเอง อนุญาตให้ความเครียดเกิดขึ้นได้ อนุญาตให้ตัวเองเครียดได้ บางทีคนเราไปยึดมั่นกับความถูกต้องมากไป แล้วเราก็เลยโทษตัวเอง หรือตำหนิตัวเอง ว่าทำไมจึงมีความโกรธ ทำไมจึงมีความเครียด ทำไมไม่อยู่กับปัจจุบัน ทำไมไม่ปล่อยวาง ตำหนิตัวเอง แต่บางครั้ง การยอมรับตัวเอง ว่าเราทำได้เท่านี้ เครียดก็ยอมให้ตัวเองเครียดไป โกรธก็ยอมให้ตัวเองโกรธได้ ปรากฏว่ามันช่วยได้นะ เพราะว่าการที่เรามีท่าทีแบบนี้ ก็คือการยอมรับ ยอมรับอย่างที่มันเป็น พอยอมรับได้นี่ สิ่งที่เป็นปัญหา มันก็ละลายหายไป ความทุกข์ก็จางคลายไปเลย เพราะถึงที่สุดแล้ว ที่มันยังคงอยู่ ที่มันยังก่อกวนเรา เพราะเราไม่ชอบมัน เพราะเราพยายามผลักไสมัน อะไรที่ผลักไสจะคงอยู่นะ แต่อะไรที่ตระหนักรู้ หรือยอมรับได้ มันก็จะหายไป   ฉะนั้นเวลามีความเครียด หลังจากที่พยายามทำอะไรหลายๆ วิธีแล้ว มันก็ยังเครียดอยู่ ก็อนุญาตให้ตัวเองเครียดไป และนี่จะเป็นสิ่งที่ช่วยทำให้เราเครียดได้โดยที่ใจไม่ทุกข์ มันทำได้นะ มีความเครียดเกิดขึ้น แต่ใจไม่ทุกข์ เพราะยอมรับมันได

    Mon, 18 Nov 2024 - 26min
  • 1039 - 25670808pm--จิตไม่หวั่นไหว ใจไม่กระเพื่อม

    8 ส.ค. 67 - จิตไม่หวั่นไหว ใจไม่กระเพื่อม : คนที่ไม่ยอมรับความโศกความเศร้าความโกรธ พยายามกดข่มมัน สุดท้ายก็ตกอยู่ในอำนาจของมัน คนที่ไม่ยอมรับเสียงในหัว ที่ตำหนิครูบาอาจารย์ บุพการี จ้วงจาบพระรัตนตรัย พยายามไปต่อสู้ หรือสู้รบตบมือกับมัน ยิ่งตกอยู่ในอำนาจของมัน แต่พอเราเริ่มยอมรับได้ ใจมันก็จะเริ่มไม่หวั่นไหวแล้ว ไม่กระเพื่อมแล้ว เสียงดังมากระทบ แต่เรายอมรับได้ มันก็ไม่เกิดความหงุดหงิด ความร้อนเกิดขึ้น มากระทบกาย เรายอมรับได้ ใจก็ไม่ร้อน มีเวทนาเกิดขึ้นกับร่างกาย ปวดเมื่อย หลัง เข่า แต่ใจยอมรับได้ มันก็ปวดแต่กาย แต่ใจไม่ทุกข์   อันนี้ก็เป็นวิธีการ ในการช่วยทำให้จิตไม่หวั่นไหว ใจไม่กระเพื่อม ถึงแม้ว่าจะยังไม่ได้ถึงขั้นบรรลุพระนิพพาน แต่ว่าก็ทำให้ใจเราตั้งมั่น เป็นขณะๆ ไป เป็นครั้งคราวไป หรือว่าชั่วคราว แต่มันก็พาเราเข้าใกล้พระนิพพานมากขึ้น เพราะเมื่อจิตไม่หวั่นไหว ใจไม่กระเพื่อม เมื่อมีสิ่งต่างๆ มากระทบ แต่ได้อาศัยสติ การรู้ซื่อๆ หรือการยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น ก็จะเริ่มเห็นสัจธรรมความจริงจากสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้น   โดยเฉพาะเห็นแจ้ง หรือเห็นชัดขึ้นเรื่อยๆ ว่า เหตุแห่งทุกข์นี่ ถ้าเป็นทุกข์ใจแล้ว มันก็ไม่ได้อยู่ที่ไหน อยู่ที่ใจของเรา ใจที่มีการผลักไสหรือไหลตาม ใจที่ไม่ยอมรับสิ่งต่างๆ อย่างที่มันเป็นความจริงที่ปรากฏแก่ใจของเรานี่แหละ จะช่วยทำให้เราเกิดปัญญา และปัญญาที่ว่า ก็จะทำให้จิตใจได้เข้าใกล้พระนิพพานมากขึ้น พระนิพพานจะไม่ใช่เป็นเรื่องนามธรรมแล้ว แต่ว่าจะเป็นเรื่องที่เป็นรูปธรรมขึ้นมา นั่นก็คือการที่จิตมีความปกติ ไม่ขึ้นไม่ลง ไม่ฟูไม่แฟบ หรือพูดง่ายๆ คืออยู่เหนือสุขเหนือทุกข์นั่นเอง   เพราะฉะนั้น เวลาเราจะตั้งจิตปรารถนาอะไร นอกจากการปรารถนาพระนิพพานแล้ว ก็ลองนึกไปอีกขั้นหนึ่ง ปรารถนาว่า ไม่ว่ามีอะไรมากระทบ ก็ขอให้จิตไม่หวั่นไหว ใจไม่กระเพื่อม นั่นแหละจะทำให้เข้าถึงความสงบอย่างแท้จริง

    Sun, 17 Nov 2024 - 29min
  • 1038 - 25670807pm--มองลบเป็นนิจ ชีวิตจึงติดลบ

    7 ส.ค. 67 - มองลบเป็นนิจ ชีวิตจึงติดลบ : ชีวิตตัวเองอาจจะมีอะไรดีมากมาย แต่มองไม่เห็นเลย เห็นแต่ลบ เห็นแต่ความทุกข์ เห็นแต่อุปสรรค เห็นแต่ปัญหา หรือบางทีก็อาจเห็นความผิดพลาด ตื่นเช้าขึ้นมา ไม่สามารถที่จะชื่นชมสิ่งที่มีอยู่รอบตัวได้เลย มองไม่เห็นเลยนะว่าฟ้ามันสวย เรารู้สึกโชคดีนะที่เรายังมีลมหายใจ คิดไม่ออกจริงๆ เช่น รถติดมันดีอย่างไรบ้าง หรือว่าวันนี้เรามีอะไรดีๆ บอกมาสัก 5 อย่าง บางคนบอกไม่ได้เลย เห็นแต่ข้อเสีย ชีวิตแทนที่จะมีความสุขได้แบบง่ายๆ กลายเป็นชีวิตติดลบไป ฉะนั้นพวกเราก็ต้องระวังนะ เราอย่าประมาท เพราะว่าพอเราอยู่ท่ามกลางคนที่คิดลบ ชอบแซะ ชอบวิจารณ์ เราก็จะเผลอรับเอาความคิดแบบนี้เข้ามา แต่ที่จริงอาจจะมีความคิดหรือทัศนคติแบบนี้อยู่แล้วก็ได้ เพราะว่าการเลี้ยงดูในครอบครัว พ่อแม่ หรือว่าการหล่อหลอมจากครูบาอาจารย์ จำนวนไม่น้อยเป็นแบบนี้ พอถูกใครมอง ถูกผู้ใหญ่มองในทางลบ ถูกผู้ใหญ่เห็นแต่ข้อผิดพลาด ถูกผู้ใหญ่ตำหนิ ก็เลยซึมซับรับเอาความคิดแบบนี้มา พอเห็นใครทำดีก็หมั่นไส้ หาช่องแซะ หาช่องป่วน   อย่างที่มีคนคอมเมนต์ในข่าวที่ว่า พบไดโนเสาร์ทีภูหินร่องกล้า มีแต่คอมเมนต์ที่ลบทั้งนั้นเลย แล้วมันไม่ได้สร้างสรรค์เลยนะ เช่นหาว่า เพ้อเจ้อ หลอกเด็กอนุบาล เกิดทันเหรอถึงรู้ว่าเป็นไดโนเสาร์ ลองนึกนะ คนที่ค้นพบไดโนเสาร์หรือคนที่เขาพยายามจะเผยแพร่ข่าวนี้ เขาจะรู้สึกอย่างไร มันเป็นเพราะคนไทยเป็นแบบนี้ ก็เลยเกิดความรู้สึกถูกบั่นทอนกำลังใจได้ง่ายๆ   แต่ว่าเราก็อย่าไปหวั่นไหวกับความคิดแบบนี้ เพราะถ้าเราหวั่นไหว แล้วเราไปซึมซับ รับเอาความคิดแบบนี้ ทัศนคติแบบนี้เข้ามา สุดท้ายมันก็เป็นผลเสียกับเรา ชีวิตเราก็ติดลบไปด้วย เจออะไรก็เห็นแต่เรื่องลบๆ มีข้อตำหนิ มีเรื่องบ่นอยู่เสมอ แล้วสุดท้ายก็แว้งกลับมาเห็นแต่ข้อผิดพลาดของตัวเอง หรือว่ามองอะไรก็มีแต่เรื่องลบๆ ชีวิตก็เลยติดลบไปด้วย

    Sat, 16 Nov 2024 - 24min
  • 1037 - 25670806pm--ออกจากทุกข์เพราะรู้

    6 ส.ค. 67 - ออกจากทุกข์เพราะรู้ : ถ้าหากว่าไม่อยากจะถูกความทุกข์ครองใจ ก็ต้องพยายามเติมความรู้ตัวให้เกิดขึ้น แล้วก็เรียนรู้สัจธรรมความจริงของชีวิตจากเหตุการณ์ต่างๆ เพื่อจะได้รู้ความจริงอย่างแจ่มแจ้ง ให้ตระหนักเห็นโทษของความหลงว่า ไม่ว่าจะเป็นความไม่รู้ตัว หรือการไม่รู้ความจริง ตัวนี้ต่างหากที่มันเป็นสมุทัย หรือเหตุ หรือสาเหตุแห่งทุกข์ ไม่ใช่เพราะว่าความแปรเปลี่ยน ความไม่เที่ยง อนิจจัง ทุกขัง อนัตตานี้ไม่ได้เป็นเหตุแห่งทุกข์ แต่เป็นเพราะการไม่รู้ความจริง ไม่เข้าใจอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไปหลงยึดติดถือมั่นต่างหากที่ทำให้เป็นทุกข์ เพราะฉะนั้นการฝึกใจให้รู้ตัวจนกระทั่งรู้ความจริงของสรรพสิ่ง แม้จะไม่ถึงที่สุด ก็ช่วยลดช่วยบรรเทาความทุกข์ในจิตใจได้เยอะเลย

    Fri, 15 Nov 2024 - 28min
  • 1036 - 25670805pm--เติมเต็มจิตด้วยความรู้สึกตัว

    5 ส.ค. 67 - เติมเต็มจิตด้วยความรู้สึกตัว : วัน ๆ หนึ่งเราหลงมากกว่ารู้ตัว เวลาเราหลับ เราหลับน้อยกว่าเวลาเราตื่น เราหลับก็อาจจะสัก 6 หรือ 7 หรือ 8 ชั่วโมง แต่เราตื่น 16 ชั่วโมง 18 ชั่วโมง นั่นเป็นเรื่องของกาย ส่วนเรื่องของใจแม้ในช่วงเวลาที่เราตื่น 18 ชั่วโมง 16 ชั่วโมง ส่วนใหญ่มันหลง ส่วนน้อยที่รู้สึกตัว แล้วก็เป็นความรู้สึกตัวแบบไม่ต่อเนื่อง ถูกความหลงเข้ามาครอบงำ เพราะฉะนั้นมันก็เลยมีความโลภ มีความอยาก มีความรู้สึกพร่องตลอดเวลา ได้เท่าไหร่ก็ไม่พอ ยังอยากได้อีก แต่ถ้าเราทำความรู้สึกตัวบ่อย ๆ ทำเป็นประจำ ความรู้สึกตัวก็จะเพิ่มมากขึ้น ต่อเนื่องมากขึ้น ความหลงน้อยลง ความทุกข์ก็น้อยลงไปด้วย เพราะฉะนั้นก็อย่าไปดูแคลนความรู้สึกตัว มันเป็นวิธีการที่จะช่วยเติมเต็มจิตใจ   มีความรู้สึกตัวเมื่อไหร่ ก็หมายถึงมีสติเต็มตื่น มีสติเต็มตื่น ก็หมายความว่าไม่เปิดช่องให้กิเลสหรือความทุกข์เข้ามาครอบงำจิตใจ ไม่ว่าจะเป็นความโลภ ความโกรธ ความเครียด ความทุกข์ ความเศร้าหรือความซึม แล้วถึงตอนนั้นเราก็จะเริ่มเห็นคุณค่าของสิ่งที่เรามีแล้ว สิ่งที่เราไม่มีหรือสิ่งที่เราเคยคิดว่าพร่อง มันจะไม่มีความหมายต่อจิตใจของเรา   เราจะมีความสุขง่าย ๆ เพราะเรารู้จักชื่นชมสิ่งที่เรามี ให้คุณค่า ให้ความสำคัญกับสิ่งที่เรามี ซึ่งที่จริงก็มีคุณค่าจริง ๆ เช่น การที่เรายังมีชีวิต ยังมีลมหายใจ ยังสามารถหายใจได้อย่างราบรื่น ไม่ติดขัด การที่เรายังมีตามองเห็น การที่เรายังมีหูได้ยิน ยังมีความคิด มีสติ มีความสามารถในการรู้สึกตัว   อันนี้มีกันทุกคน แต่สิ่งที่ไม่มี จำนวนมากเลยไม่ค่อยมีความสำคัญหรือความจำเป็นต่อชีวิต แต่ว่ามันเป็นค่านิยมที่ใคร ๆ เขาอยากจะมีกัน หรือว่ามันช่วยทำให้เกิดความสะดวกสบาย หรือเกิดความสุขชั่วคราว   สิ่งที่เรามีอยู่แล้วนี้มันมีคุณค่ายิ่งกว่านั้นเยอะ อยู่ที่ว่าเราจะทำให้มันนำไปสู่ความรู้สึกตัว นำไปสู่การมีสติปัญญาเพิ่มขึ้นหรือเปล่า หรือว่าเอาแต่ดิ้นรนแสวงหาสิ่งที่คิดว่าพร่อง แล้วคิดว่าได้มาเท่าไหร่จะช่วยเติมเต็ม แต่ได้มากเท่าไหร่ก็ไม่รู้สึกเติมเต็มสักที เพราะว่ามันเป็นการเติมเต็มในอำนาจของกิเลส ของอัตตา ซึ่งไม่เคยรู้จักพอสักที   จะไม่ให้ใจเราอยู่ในอำนาจของอัตตานี้ก็ต้องทำความรู้สึกตัวให้เกิดขึ้น ซึ่งมันก็แปลกพอมีความรู้สึกตัวขึ้นเมื่อไหร่ ตัวกูก็หายไปเมื่อนั้น มันเป็นปฏิปักษ์กัน

    Thu, 14 Nov 2024 - 27min
Show More Episodes

Podcasts similar to Luangpor Paisal Visalo‘s Podcast (ธรรมะ จาก หลวงพ่อไพศาล วิสาโล)