Filtrer par genre

7 ตามใจท่าน (ธรรมะสากัจฉา)

7 ตามใจท่าน (ธรรมะสากัจฉา)

ปัญญา ภาวนา ฟังธรรมะ ปัญญาภาวนา Panya Bhavana

การพูดคุยปรึกษา คือ สากัจฉาทำให้เกิดความไม่ประมาทและมีปัญญาได้, มีคำถามอยู่ที่ไหน ก็มีคำตอบอยู่ที่นี่, ตอบทุกข้อสงสัย ทั้งในการดำเนินชีวิต, หลักธรรม หรือการภาวนา โดย ร่วมพูดคุยกับคุณเตือนใจ สินธุวณิก และ พระอาจารย์พระมหาไพบูลย์ อภิปุณฺโณ ในช่วง "ตามใจท่าน". New Episode ทุกวันอาทิตย์ เวลา 05:00, Podcast นี้เป็นส่วนหนึ่งของรายการธรรมะรับอรุณ ออกอากาศทุกวันทางสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย (สวท.) มีคำถาม/ข้อเสนอแนะ หรือสมัครติดตามฟังทั้ง 7 รายการ ที่ panya.org


Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

383 - สัมมาทิฐิที่เนื่องด้วยโลกและเหนือโลก [6745-7q]
0:00 / 0:00
1x
  • 383 - สัมมาทิฐิที่เนื่องด้วยโลกและเหนือโลก [6745-7q]

    Q : ความหมายและความต่างระหว่างโลกวัชชะและปัณณัตติวัชชะ

    A : เป็นอาบัติเหมือนกัน ต่างกันตรงที่ “โลกวัชชะ” คือ อาบัติที่เมื่อทำผิดพระวินัยแล้วจะเกิดอกุศลในจิตแน่นอน ส่วน “ปัณณัตติวัชชะ” คือ อาบัติทางพระบัญญัติ ที่อยู่ที่จิตขณะนั้น หากจิตขณะนั้นเป็นอกุศลจึงจะมีโทษ

     

    Q : ความหมายของ “พระสงฆ์สาวกผู้ปฏิบัติดีแล้วโดยชอบนั้น ย่อมเห็นพระนิพพานใดด้วยญาณ เป็นของหมดจดวิเศษแล้วพระนิพพานนั้นอันบัณฑิตพึงรู้แจ้งด้วยใจ” 

    A : พระสงฆ์สาวกผู้ปฏิบัติดีแล้วโดยชอบ หมายถึง สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ / ย่อมเห็นพระนิพพานใดด้วยญาณ หมายถึง หมู่ผู้ที่ปฏิบัติดีแล้ว ย่อมเห็นนิพพานด้วยญาณคือปัญญา / พระนิพพานอันบัณฑิตพึงรู้แจ้งด้วยใจ หมายถึง บัณฑิตทั้งหลายเขาจะเห็นอย่างนี้เหมือนกัน

     

    Q : เปรียบเทียบการให้ทานด้วยอาหารกับ ศีล สมาธิ ปัญญา?

    A : การให้ทานด้วยอาหารให้ผลน้อยเพราะไม่สามารถทำได้ตลอด ไม่เหมือนกับการรักษาศีล ภาวนา ที่สามารถทำได้ตลอดเวลา ทำได้ในทุกอิริยาบถ 

     

    Q : ศรัทธากับสัมมาทิฐิอันไหนมาก่อนกัน

    A : ทั้งศรัทธาและสัมมาทิฐิ ต่างเกื้อกูลส่งเสริมซึ่งกันและกัน หากเรามีศรัทธาที่เป็นสัมมาทิฐิ เราก็จะเกิดการลงมือทำจริง แน่วแน่จริง มีความเพียร ก็จะเกิดปัญญาขึ้นมาได้ 

     

    Q : การวางจิตเมื่อแสดงธรรมแก่ผู้ที่มีคุณธรรมสูงกว่า 

    A : การที่เราแสดงธรรมไปตามเนื้อหาที่ท่านประกาศไว้ เราไม่ต้องกังวล ถ้าเราศึกษามาเป็นอย่างดี เพียงแต่ระวัง ไม่พูดผิด ไม่พูดกระทบตนเอง ไม่พูดกระทบผู้อื่น ไม่ว่าจะพูดให้ใครฟังก็สามารถทำได้

     

    Q : พระอรหันต์ทำผิดได้หรือไม่?

    A : ท่านไม่ได้รู้ทุกเรื่อง เราสามารถแสดงความเห็นต่อท่านได้ ถ้าเราเป็นผู้น้อยก็ขอโอกาสท่าน พูดด้วยจิตที่มีเมตตา ด้วยความเคารพ นอบน้อม สิ่งไหนควรติเตียนก็ติเตียน สิ่งไหนควรยกย่องก็ยกย่อง ให้ดูที่พฤติกรรมไม่ใช่ที่ตัวบุคคล รักษาจิตของเราให้ตั้งอยู่ในกุศล

     

    Q : NO PAIN NO GAIN

    A : มี 2 พุทธพจน์ คือ “เห็นทุกข์จึงจะเห็นธรรม” และ “ขึ้นชื่อว่าความสุขความสำเร็จแล้ว ใครๆจะบรรลุได้โดยง่ายเป็นไม่มี ความสุขความสำเร็จเป็นสิ่งที่ใครๆ บรรลุได้ด้วยความลำบาก” การเห็นโทษเป็นการเห็นทุกข์ ถ้าเราเห็นโทษของสิ่งใด เราจะพ้นจากสิ่งนั้นได้ 




    Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

    Sat, 09 Nov 2024 - 55min
  • 382 - คนต่างกันเพราะกรรม [6744-7q]

    Q : เหตุที่ทำให้บุคคลแตกต่างกัน

    A : กรรมเป็นตัวจำแนกสัตว์ให้ทรามหรือประณีตกรรมทำให้คนไม่เท่ากันแม้ทำกรรมอย่างเดียวกันก็อาจได้รับผลไม่เท่ากันสิ่งที่เราควรทำ คือทำความดีให้มาก ไม่ว่าในตอนนี้เราจะได้ผลของกรรมอย่างไรให้เราหมั่นสร้างบุญกุศลทำความดี ทั้งทางกาย วาจาใจผลของกรรมที่ไม่ดีมันก็จะเบาลงๆ

     

    Q : การเกิดเป็นมนุษย์เป็นของยาก

    A : ท่านเปรียบดังเต่าตาบอด อยู่บนโลกที่เต็มไปด้วยน้ำ ทุกร้อยปีจะขึ้นมาหายใจ แล้วเอาหัวซุกเข้ารูได้ ความยากนี้เหมือนคนที่ไปอบายทั้ง 4 แล้วจะกลับมาเป็นมนุษย์อีกนั้นยากมาก

     

    Q : ฆ่าตัวตายเป็นบาป?

    A : ไม่แน่ ส่วนใหญ่แล้วถือว่าไม่ดี หากฆ่าตัวตายแล้วสามารถพ้นกิเลสได้ ท่านถือว่าการตายนี้เป็นการตายที่ไม่น่าติเตียน แต่บางกรณีก็ได้รับการติเตียน เพราะไม่แยบคายมีอวิชชา

     

    Q : ความต่างระหว่างฉันทะกับตัณหา

    A : ฉันทะ คือ ความพอใจ มีใช้ทั้งในส่วนที่เป็นกุศลและอกุศล ตัณหา คือ ความทะยานอยาก ใช้ในสิ่งที่เป็นอกุศลธรรมเท่านั้น เราสามารถสร้างฉันทะที่เป็นกุศล ได้ด้วยการอาศัยศรัทธาและปัญญา พอมีมีศรัทธาก็จะทำให้เกิดความเพียร ฟังธรรม ไคร่ครวญธรรม เกิดปัญญา ก็จะเกิดฉันทะที่เป็นกุศลขึ้น 

     

    Q : ขจัดริษยา

    A : เราต้องละความอยากคือตัณหา ด้วยการปฏิบัติตามมรรค 8 เมื่อเราเห็นคนอื่นเขาได้ดีแล้วเรายินดีกับเขาเราก็จะละความอิจฉาริษยาไปได้

     

    Q : หลงตนเพราะอะไร?

    A : เพราะเราไม่มีวิชชาคือความรู้ ที่จะแยกได้ว่า สิ่งไหนถูก สิ่งไหนผิด ความรู้สึกที่ว่าตัวเราของเรา มันจึงมาจากอวิชชา เพราะมีอวิชชาเป็นเหตุ เราจะมีความรู้แยกแยะถูกผิดได้ เราต้องปฏิบัติตามมรรค 8 เราจึงจะมีวิชชา (ความรู้) และวิมุต (ความพ้น) ได้

     

    Q : ความจริงกับความเชื่อ

    A : ตัณหาขันธ์ 5 มรรค 8 ทั้งหมดนี้ ไม่เที่ยงเหมือนกัน เราต้องรู้จักแยกแยะในสิ่งที่ไม่เที่ยงเหมือนกัน กิจที่เราควรทำคือสิ่งไหนที่เป็นอกุศลเราต้องละ ขันธ์ 5 เราต้องยอมรับ มรรค 8 เราควรทำให้มาก ทำให้เจริญ เพราะมันประกอบด้วยประโยชน์ เป็นเบื้องต้นแห่งพรหมจรรย์ ถ้าเราไม่ทำแล้วมันจะพาเราไปทางเสื่อม



    Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

    Sat, 02 Nov 2024 - 54min
  • 381 - จิตเกิดได้ดับได้ [6743-7q]

    Q : จิตอยู่ที่ไหนในนิพพาน?

    A : ท่านกล่าวไว้ว่า หลังจากท่านปรินิพพานไปแล้ว จะไม่มีใครเห็นท่านอีกเลย เปรียบเหมือนกับเทียน ที่พอเปลวเทียนมันหมด ไส้ก็หมด ดับไปหมดแล้ว เราก็จะไม่เห็นเปลวไฟอีกแล้ว เพราะมันดับไปแล้ว 

     

    Q : จิตที่วนเวียนไปเกิดใหม่อยู่นี้ ล้วนมาจากจิตเดิมความเข้าใจนี้ถูกต้องหรือไม่?

    A : ไม่ถูก เพราะมันเป็นของเกิดได้ดับได้ หากมันมีเหตุให้เกิดมันก็เกิด หากมีเหตุที่มันจะดับมันก็ดับ ต้องเข้าใจให้ถูก เพราะหากหากเราคิดว่ามันมีอยู่ นั่นคือเราเข้าใจว่าสิ่งนั้นเป็นอัตตา ซึ่งมันไม่ถูก 

     

    Q : การระลึกชาติคือจิตเดิมใช่หรือไม่?

    A : เป็นญาณหยั่งรู้อดีต ที่เรียกว่า “บุพเพนิวาสานุสติญาณ” ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน สิ่งที่สำคัญที่เราควรต้องเห็น คือ เห็นโทษของการเกิด หากเรายังยินดีในการเกิด เราก็จะไม่สามารถหลุดพ้นจากสังสารวัฏนี้ได้

     

    Q : จะบรรลุธรรมได้จำเป็นต้องถือศีลแปดหรือไม่?

    A : ขึ้นอยู่ว่าเป็นอริยะบุคคลขั้นไหน หากเป็นขั้นโสดาบันหรือสกิทาคามี ศีล 5 ก็ได้ หากเป็นอนาคามีหรืออรหันต์ ต้องศีล 8 ขึ้นไป แต่ไม่ว่าขั้นไหนล้วนดีทั้งหมด เพราะหากเป็นขั้นผลแล้ว จะไม่ไปเกิดในอบาย ไม่ไปเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน และจะบรรลุมรรคผลนิพพานในชาติสุดท้าย

     

    Q : เลี้ยงสัตว์เพื่อยังชีพมีบาปหรือไม่ อย่างไร?

    A : ขึ้นอยู่กับเกณฑ์ว่าใช้เกณฑ์อะไร หากใช้เกณฑ์ของศีล 5 ก็ไม่ผิดศีล เพราะไม่ได้ฆ่า ท่านสอนไว้ถึง"อกรณียกิจ" (กิจที่ไม่ควรทำ) คือ ค้าอาวุธ ค้าสัตว์เป็น ค้าเนื้อสัตว์ ค้าน้ำเมา และค้ายาพิษ ถ้าทำอยู่ควรเลิก ในสังสารวัฏนี้มีการเบียดเบียนกัน ให้เราเร่งปฏิบัติให้หลุดพ้น โดยเริ่มจากศีล สมาธิ ปัญญา เมื่อเรารักษาศีล เราก็จะไม่กังวลไม่ร้อนใจ 

     

    Q : อสังขารธรรมมีความหมายว่าอย่างไร?

    A : คือ ธรรมที่ไม่ปรุงแต่ง ไม่มีอะไรปรุงแต่งมันได้ คือ อสังขตธรรม คือ นิพพาน 



    Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

    Sat, 26 Oct 2024 - 55min
  • 380 - เครื่องหมายของความไม่เที่ยง [6742-7q]

    Q : อาฏานาฏิยรักษ์คาถาป้องกันภัย (ยักษ์) ของท้าวเวสสุวรรณ

    A : เป็นคาถาที่ท้าวเวสสุวรรณท่านยกย่องพระพุทธเจ้าทุก ๆ พระองค์ เพื่อรักษาป้องกันไม่ให้ยักษ์เบียดเบียนเหล่าภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก และอุบาสิกาทั้งหลาย

     

    Q : การมีปิติเป็นภักษาหารเหมือนอาภัสสรเทพนั้น เป็นอย่างไร?

    A : อาหาร หมายถึง การที่ให้รูปคงอยู่ดำเนินไปได้ เช่น มนุษย์หากจะให้กายดำเนินต่อไปได้ต้องกินอาหารคือคำข้าว เพราะมนุษย์มีกายหยาบก็ต้องกินอาหารคือคำข้าวที่ประกอบด้วยธาตุ 4 ส่วนอาภัสสรพรหม อยู่ในรูปภพมีอาหารเป็นรูปละเอียดคือปิติ

     

    Q : การนอนอย่างตถาคตคือการนอนแบบใด?

    A : การนอนอย่างตถาคตคือการนอนด้วยสมาธิอยู่ในฌานทั้ง 4 เริ่มจากก่อนที่จะนอนไปจนถึงก่อนที่จะตื่น โดยก่อนที่จะนอนให้กำหนดสติสัมปชัญญะน้อมไปเพื่อการนอน ว่าบาปอกุศลกรรมทั้งหลาย อย่าได้ติดตามเราไปผู้ซึ่งนอนอยู่และกำหนดจิตไว้ว่ารู้สึกตัวเมื่อไหร่จะลุกขึ้นทันที

     

    Q : อนุตตริยะ 3 ประการ มีอะไรบ้าง?

    A : ประการแรกคือ การเห็นอันยอดเยี่ยม (ทัสสนานุตตริยะ) การปฏิบัติอันยอดเยี่ยม (ปฏิปทานุตตริยะ) และการพ้นอันยอดเยี่ยม (วิมุตตานุตตริยะ)

     

    Q : ความไม่เที่ยงในผัสสายตนะ 6 เป็นอย่างไร?

    A : เราจะดูว่าเที่ยงหรือไม่เที่ยงได้ด้วยการดู ที่ถ้ามันอาศัยเหตุเกิด เหตุนั้นคือเครื่องหมายของความไม่เที่ยง เมื่อไม่เที่ยงก็เป็นทุกข์ ทนอยู่สภาพเดิมไม่ได้ เกิดได้ดับได้คือสภาวะที่เป็นทุกข์ไม่เที่ยง



    Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

    Sat, 19 Oct 2024 - 55min
  • 379 - จิตเป็นอนัตตา [6741-7q]

    Q : การวางน้ำให้ผู้ล่วงลับจะได้รับหรือไม่ และมีในคำสอนหรือไม่?

    A : การรับอาหาร จะมีเปรตประเภท “ปรทัตตูปชีวิเปรต” ที่จะรับอาหารเหล่านั้นได้ นอกนั้นรับไม่ได้ เพราะสัตว์แต่ละประเภท ก็จะมีอาหารที่แตกต่างกัน อาหารเราควรถวายแด่พระสงฆ์ ผู้ที่เป็นเนื้อนาบุญจะดีกว่า เพราะพระสงฆ์เป็นผู้ที่ควรรับทักษิณาทาน เกิดบุญแล้วก็อุทิศบุญ ให้กับญาติพี่น้องของเราและเราก็จะได้บุญด้วย


    Q : จิตกับความเป็นอนัตตา

    A : จิตเป็นอนัตตา หมายถึง ไม่ใช่ตัวตน ไม่ได้ขึ้นอยู่กับตัวมันเอง แต่ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขปัจจัย ที่เกิดขึ้นตั้งอยู่ดับไป ไม่ใช่สุดโต่ง 2 ข้าง คือ นัตถิตา (ปฏิเสธว่ามันไม่ใช่ของเรา) หรืออัตถิตา (ของเราทั้งหมด) แต่เป็นการยอมรับว่า มันเป็นไปตามเหตุ เงื่อนไข ปัจจัย ถ้ามันมีเหตุเกิด มันก็เกิด พอเราเห็นตามจริง เข้าใจด้วยปัญญา ว่ามันเป็นอนัตตา เราจะละความยึดถือได้ เมื่อเราละได้ ก็จะตัดกระแสความยึดถือ ตัดกระแสความเกิดดับ มันก็จะไม่วน ไม่ไปต่อ คือ ตัดกระแสของจิตที่มันจะไปยึดถือได้


    Q : บรรลุธรรมแล้วจะเป็นอย่างไร?

    A : เมื่อตัดกระแสความยึดถือได้ ก็จะเหลือร่างกายนี้ที่ยังอยู่ เปรียบดังต้นไม้ที่มันตายแล้ว แต่ยังเหลือซากอยู่ ซึ่งพอกายนี้ แตกดับไปก็จะไม่เจออีก ภพนี้เป็นภพสุดท้าย จะไม่มีการเกิดต่อไป


    Q : จิตที่ไปเสวยสุขทุกข์ในสวรรค์ หรือนรกเป็นของเราหรือไม่?

    A : การที่คิดว่าจิตเป็นของเรานั้นเป็นการเข้าใจผิด เพราะจิตเป็นกระแสเกิดดับตามเหตุปัจจัย เป็นอนัตตา


    Q : ความเข้าใจเรื่องมานะในโลกสมมุติกับวิมุตติ

    A : สมมุติกับวิมุตติ เป็นระบบที่ต้องอยู่ด้วยกัน คู่ขนานกัน ในเรื่องของโลก เป็นเรื่องของหู ตา จมูก ลิ้น กาย ใจ เรื่องเหนือโลกเป็นเรื่องของอนัตตา การปล่อยวาง เราต้องใช้ระบบสมมุติเพื่อให้เข้าถึงวิมุตติ อาศัยการปรุงแต่ง เพื่อให้เข้าถึงการไม่ปรุงแต่ง ซึ่งการปรุงแต่งที่ควรทำให้เจริญคือมรรค 8 เพราะทำแล้วการปรุงแต่งระงับลง กิเลสจะลดลง จะไปถึงวิมุตติหลุดพ้นได้


    Q : ช่วงไหนเป็นวิตกหรือสังกัปปะในพระพุทธเจ้าขณะพิจารณาว่าจะแสดงธรรมหรือไม่?

    A : อาจเป็นไปได้ทั้งดำริ (สังกัปปะ) และวิตก (ความตริตรึก) ในทางภาษาบาลี จะเรียกหมวดความคิดทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นวิตก วิจาร อยู่ในหมวดของ “สังกัปปะ”


    Q : หวังนิพพานในชาตินี้ เป็นไปได้หรือไม่?

    A : เมื่อเราปฏิบัติตามมรรค 8 มีศีล สมาธิ ปัญญา ปฏิบัติไปทำไป กิเลสก็จะหมดไปสิ้นไป ตราบใดที่เรายังอยู่ในเส้นทาง ไม่หยุดเดิน เราจะถึงแน่นอน



    Hosted on Acast. See acast.com/privacy for more information.

    Sat, 12 Oct 2024 - 56min
Afficher plus d'épisodes

Podcasts similaires à 7 ตามใจท่าน (ธรรมะสากัจฉา)